“ธนาคารโลก” คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจเวียดนามปี 65 โต 7.5%

ตามรายงานของธนาคารโลก (World Bank) เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2022 ได้คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามปี 2565 ขยายตัว 7.5% ส่วนปี 2566 อยู่ที่ 6.7% สืบเนื่องจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่ยืดหยุ่นและการฟื้นตัวของภาคบริการ ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว โดยเศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 4/64 ขยายตัว 5.2% และอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 3.8% ต่อปี

ทั้งนี้ นางแคโรลีน เติร์ก ผู้อำนวยการธนาคารโลกสาขาเวียดนาม เผยว่าข้อเสนอเชิงนโยบายของรายงานฉบับนี้จะช่วยลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและทำให้เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ คุณ Dorsati Madani ผู้ร่วมเขียน กล่าวว่าในขณะที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามค่อนข้างคงที่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกภาคส่วนที่อยู่ในสถานการณ์ปกติ อย่างเรื่องผลกระทบต่อแรงงานและภาคครัวเรือนในช่วงวิกฤตินั้น ประมาณ 45% รายได้ลดลงในเดือนธ.ค. 64 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตลอดจนลกระทบของการแพร่ระบาดเชื้อโรคที่ยังคงมีอยู่ในธุรกิจต่างๆ และปัญหาการขาดแคลนแรงงานอีกด้วย

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/wb-forecasts-vietnams-economic-growth-at-75-in-2022-45747.html

เงินเฟ้อลาวเดือน ก.ค. พุ่งแตะ 25.6%

สำนักงานสถิติประเทศลาว (Lao Statistics Bureau) เผยแพร่รายงานว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือน ก.ค.65 เพิ่มขึ้น 25.6% จากระดับ 23.6% ในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543 ส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีรายได้น้อยที่เผชิญกับปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น สำนักงานฯ ยังเผยว่าราคาผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ได้แก่ ราคาอาหาร ค่ารักษาพยาบาลและสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น ประกอบกับราคาเชื้อเพลิง สินค้านำเข้าอื่นๆ ที่พุ่งสูงขึ้น และเงินกีบก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตามเงินกีบก็ยังอ่อนค่าลง ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะพยายามควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนก็ตาม นอกจากนี้ ค่าเงินกีบที่อ่อนค่าลงถือเป็นสาเหตุหลักของปัญหาเงินเฟ้อ เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่ใช้เงินสกุลต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten152_Inflation_y22.php

ภาคธนาคารในกัมพูชาปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม Fed

ธนาคารและสถาบันไมโครไฟแนนซ์ (MFI) หลายแห่งในกัมพูชาได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในสกุลเงินดอลลาร์และเรียลประมาณร้อยละ 0.5 และร้อยละ 1 ต่อปี ตามลำดับ แต่ยังคงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตามการรายงานของสมาคม โดยการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากภายในกัมพูชาเกิดขึ้นหลังจากคณะกรรมการตลาดกลางแห่งสหพันธรัฐ (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ Federal Reserve ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงธนาคารพาณิชย์ให้อยู่ในช่วงร้อยละ 2.25-2.5 ซึ่งปัจจุบันกัมพูชามีธนาคารพาณิชย์ดำเนินการภายในกัมพูชา 58 แห่ง, ธนาคารเฉพาะกิจ 9 แห่ง และสถาบันไมโครไฟแนนซ์ 86 แห่ง โดยมีสำนักงานใหญ่และสาขารวม 2,614 แห่ง รวมทั้งตู้เอทีเอ็ม (ATM) 3,998 แห่งทั่วประเทศ ตามรายงานล่าสุดของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ที่ออกเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501128445/banks-mfis-raise-interest-rates-following-fed-move/

คาดเงินกู้ญี่ปุ่นกระตุ้นการขยายท่าเรือสีหนุวิลล์ในกัมพูชา

ญี่ปุ่นสนับสนุนเงินกู้ให้กับกัมพูชาเพื่อทำการขยายพื้นที่ในการจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ในท่าเรือสีหนุวิลล์ ด้วยวงเงินกู้ยืม 306 ล้านดอลลาร์ จากญี่ปุ่น โดยนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน คาดหวังว่าเงินกู้ข้างต้นจะช่วยให้กัมพูชาขยายและปรับปรุงท่าเรืออิสระสีหนุวิลล์ให้เป็นท่าเรือน้ำลึกที่สำคัญในระดับภูมิภาค ซึ่งทาง Hem Vanndy รัฐมนตรีต่างประเทศกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของกัมพูชา และ Kamei Haruko หัวหน้าผู้แทนสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) กัมพูชา ได้ทำการลงนามร่วมกันเกี่ยวกับสัญญาเงินกู้ดังกล่าว โดยท่าเรือแห่งนี้จดทะเบียนเป็นท่าเรือน้ำลึกเชิงพาณิชย์แห่งเดียวในกัมพูชา ซึ่งมีรายได้รวม 93.2 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของกระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันท่าเรือแห่งนี้รองรับตู้คอนเทนเนอร์ 6.9 ล้านตันในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการขยายท่าเรือมีกำหนดที่จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2025 ระยะที่ 2 และ 3 ของโครงการ จะเริ่มในปี 2028 และ 2029 ตามลำดับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501128516/japan-loan-boosts-sihanoukville-port-expansion/

ราคาน้ำมันในเมียนมา พุ่งขึ้น 3%

ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลของเมียนมาร์พุ่งขึ้นราว 3% จากสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่ธนาคารกลางเมียนมาจะประกาศอัตราแลกเปลี่ยนของจัตกับค่าเงินต่างประเทศ เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2565 อัตราแลกเปลี่ยนเงินจัตต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 1,850 จัตเป็น 2,100 จัตต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ, เงินจัตต่อเงินยูโรจาก 1,884.3 จัตเป็น 2,148 จัตต่อยูโร และเงินจัตต่อเงินหยวนจาก 273.81 จัตเป็น 311.13 จัตต่อหยวน โดยในเมืองการค้าสำคัญอย่างย่างกุ้ง ราคาดีเซลเพิ่มขึ้น 2.58% เป็น 2,185 จัตต่อลิตร, ราคาเบ็นซิน RON 92 เพิ่มขึ้น 4.2% เป็น 1,860 จัตต่อลิตร และราคาเบ็นซิน RON 95 เพิ่มขึ้น 3.78% เป็น 1,920 จัตต่อลิตร ตามลำดับ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันของประเทศที่นำเข้า เนื่องจากเมียนมานำเข้าน้ำมันถึง 90% เพื่อมาใช้ในประเทศ ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้นถึง 100% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ที่มา : https://english.news.cn/20220810/3611c70ec1e5438e9e7abc19ce0be15f/c.html

6 เดือนแรกของปี 65 มีนักท่องเที่ยวเยือนสปป.ลาว แตะ 42,197 คน

6 เดือนแรกของปี 2565 สปป.ลาว หลังการคลายล็อกดาวน์และการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศทั้งสิ้น 42,197 คน จากรายงานพบว่า มีการท่องเที่ยวและพำนักโดยเฉลี่ย 7.9 วัน และใช้จ่ายเฉลี่ย 83 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคนต่อวัน สร้างรายได้มากกว่า 4.55 ล้านดอลลาร์ โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางผ่านสะพานมิตรภาพลาว-ไทย, สนามบินนานาชาติวัดไต และสนามบินนานาชาติหลวงพระบาง ตั้งแต่วันที่ 13-18 ก.ค.2565 มีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 5,668 คน มากกว่าร้อยละ 70 มาจากไทย ซึ่งตั้งแต่เดือนพ.ค.- มิ.ย.2565 มีนักท่องเที่ยว 33,435 คนเดินเข้าประเทศ โดย 18,621 คนมาจากไทย และ 14,447 คนมาจากเวียดนาม ส่วนที่มาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 1,902 คน จากยุโรป 467 คน, สหรัฐอเมริกา 512 คน และแอฟริกาและตะวันออกกลาง 23 คน และเกาหลีใต้ 144 คน

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten152_Laos_welcomes_y22.php

เดือนก.ค.65 เมียนมาส่งออกยางพาราไปแล้วกว่า 2,900 ตัน

ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนก.ค. 2565 (วันที่ 16-22)  เมียนมาส่งออกยางพารากว่า 2,350 ตัน ทำรายได้ถึง 3.602 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  โดยแบ่งเป็นจีน 1,350 ตัน, มาเลเซีย 130 ตัน, อินเดีย 630 ตัน และอินโดนีเซีย 60 ตัน ขณะที่สัปดาห์นี้มีการส่งออกยางพาราทั้งหมด 500 ตัน โดย 430 ตันผ่านชายแดนเมียนมา – ไทย และอีก 120 ตันผ่านชายแดนเมียนมา – จีน – ทำรายได้ประมาณ 0.618 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบันพบว่า ราคายางเพิ่มขึ้นทุกปีทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะยางคุณภาพดี ดังนั้นในปีนี้การปลูกยางคุณภาพดีจึงมีการขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ส่งผลให้มีการลดการปลูกยางคุณภาพต่ำลง ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทางภาครัฐ ปัจจุบันเมียนมามีพื้นที่สวนยางพารามากกว่า 1.6 ล้านเอเคอร์ มีพื้นที่เก็บเกี่ยวทั้งสิ้น 850,000 เอเคอร์ มีผลผลิตต่อปีประมาณ  300,000 ตัน และพบว่ามีการบริโภคภายในประเทศเพียงร้อยละ 8 นอกนั้นเป็นการส่งออกทั้งหมด  ทั้งนี้ พื้นที่เพาะปลูกยางสำคัญของประเทศจะอยู่ในรัฐมอญ, รัฐกะเหรี่ยง,เขตตะนาวศรี ,เขตพะโค ,เขตย่างกุ้ง และเขตอิรวดี

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-exports-2900-tonnes-of-rubber-during-julys-second-week/#article-title

“เวียดนาม” ผลผลิตอุตฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

S&P Global เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ของเวียดนาม ยังคงสูงกว่าระดับ 50 เป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกันในเดือนก.ค.65 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัว แต่มีการปรับตัวลงสู่ระดับ 51.2 จากระดับ 54.0 ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อใหม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน แต่มีอัตราที่ชะลอตัวลงอยู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเผชิญกับแรงกดดันด้านราคาและอุปทานที่เริ่มผ่อนคลายลงเมื่อต้นไตรมาสที่สาม ทั้งนี้ นาย Andrew Harker ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์ของ S&P Global Market Intelligence กล่าวว่าภาคการผลิตของเวียดนามที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวเล็กน้อยในเดือนก.ค. แต่กิจการต่างๆ ยังคงสามารถรักษาปริมาณคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นได้ รวมถึงผลผลิตและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1275686/viet-nam-s-manufacturing-output-continues-to-rise.html

“เวียดนาม” เตรียมยกเลิกกักกันนำเข้าสินค้าอาหารทะเลแปรรูป เหตุจากโควิด-19

กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเวียดนาม ได้ประกาศยกเลิกข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการกักกันโควิด-19 สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่เยือกแข็งที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อทำการแปรรูปใหม่และส่งออก โดยมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 11 ก.ย. กระทรวงฯ จะส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตร ลดจำนวนหมวดหมู่สินค้าที่ต้องกักกันโรคและใช้เทคโนโลยีเพื่อเร่งกระบวนการทางศุลกากร ทั้งนี้ สมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลของเวียดนาม (VASEP) ได้ยื่นคำร้องต่อรัฐบาลให้ทำการแก้ไขข้อบังคับการกักกันโรค โดยระบุว่ารัฐบาลจะทำให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลเผชิญกับปัญหาครั้งใหญ่ นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ ยังต้องการให้ยกเลิกการกักกันโรค สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปที่นำเข้าจากต่างประเทศเพื่อบริโภคในประเทศเป็นหลัก ซึ่งได้รับการประเมินว่าไม่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรคทางน้ำ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1275697/viet-nam-set-to-scrap-covid-quarantine-for-imported-processed-seafood.html

กัมพูชาวอนจีนกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ

รัฐบาลกัมพูชากำหนดเป้าหมายการค้าทวิภาคีกับจีนใหม่หวังเพิ่มขึ้นเป็น 15 พันล้านดอลลาร์ กล่าวโดยนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ในระหว่างการพบปะกับ หวัง ยี่ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ณ กรุงพนมเปญ ซึ่ง ฮุนเซน กล่าวว่า ปริมาณการค้าระหว่างกัมพูชาและจีนปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 11 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 โดยกัมพูชาร้องขอให้จีนช่วยสนับสนุนกัมพูชาโดยการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรเพิ่มมากขึ้น อาทิเช่น ข้าว ลำไย และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่น ๆ เนื่องจากเริ่มมีความต้องการสูงขึ้นในตลาดจีน ซึ่งในปีที่แล้วการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและจีนมีมูลค่า 11.19 พันล้านดอลลาร์ โดยคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชาไปยังจีนมีมูลค่าอยู่ที่ 1.51 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ทางการกัมพูชายังขอให้จีนเร่งเดินหน้าเพิ่มการลงทุนในกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันตามรายงานของสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชาแสดงให้เห็นว่าจีนได้เข้ามาลงทุนในกัมพูชามูลค่าการลงทุนรวม 1.29 พันล้านดอลลาร์ เฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และยังขอให้จีนเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างทั้งสองประเทศเพื่อช่วยฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501127588/cambodia-urges-china-to-step-up-bilateral-trade/