อัตราเงินเฟ้อ สปป.ลาว ยังคงอยู่ในระดับสูง แม้รัฐบาลมีความพยายามควบคุมราคาสินค้า

อัตราเงินเฟ้อใน สปป.ลาว ลดลงเล็กน้อยในช่วงเดือนกันยายนมาอยู่ที่ร้อยละ 25.69 ลดลงจากร้อยละ 25.88 ซึ่งได้รายงานไว้ในช่วงเดือนสิงหาคมตามรายงานของสำนักงานสถิติ สปป.ลาว อย่างไรก็ตามอัตราดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับสูง โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลัก 3 ประการ ได้แก่ ผลผลิตภายในประเทศที่อ่อนแอและการที่ประเทศพึ่งพาการนำเข้าในสัดส่วนที่สูง ค่าเงินกีบที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และราคาสินค้านำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้น สำหรับในช่วงเดือนกันยายนค่าเงินกีบอ่อนค่าลงร้อยละ 5.8 และอ่อนค่าร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับเงินสกุลเงินดอลลาร์และบาทไทย ตามลำดับ เมื่อเทียบกับตัวเลขในเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ราคาสินค้านำเข้า โดยเฉพาะเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลทำให้การ สปป.ลาว ขาดดุลทางการค้าสะสมเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 444 ล้านดอลลาร์ ด้านรัฐบาลได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการมาตรการเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อที่สูง รวมถึงรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และจัดการกับหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_197_Inflation_y23.php

รัฐบาล สปป.ลาว กำหนดนโยบายใหม่ หลังพบ ADB หวังจัดการปัญหาหนี้สาธารณะ

รัฐบาล สปป.ลาว ร่วมเจรจานโยบายระดับสูงเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีในการเสริมสร้างการจัดการหนี้สาธารณะในประเทศ สปป.ลาว ร่วมกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) และกระทรวงการคลัง โดยได้ข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางการจัดการหนี้สาธารณะด้วยการเชื่อมโยงระบบบริหารจัดการหนี้สาธารณะเข้ากับนโยบายการคลัง และการเงิน ร่วมกับการจัดทำมาตรการเฉพาะของรัฐบาล สปป.ลาว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการหนี้สาธารณะ ทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว ด้านนาย Soulivath ยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการติดตามสถานการณ์หนี้สาธารณะ รวมถึงประเมินความเสี่ยงทางการคลังต่อสถานการณ์หนี้สาธารณะ เพื่อลดหรือหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น อีกทั้งรัฐบาลยังได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อและรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อตอบสนองต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งปัจจัยต่างๆ ถือเป็นส่วนสำคัญในการขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจ และส่งผลเสียอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจในประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_196_Govt_y23.php

‘ธนาคารโลก’ หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามเหลือ 4.7% ปีนี้

จากรายงานการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคและสถานการณ์ความยากจนในเวียดนามของธนาคารโลก เปิดเผยว่าได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปีนี้ ชะลอตัวลงเหลือเพียง 4.7% และกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นที่ 5.5% ในปี 2567 และ 6.0% ในปี 2568 โดยธนาคารโลกมองว่าเศรษฐกิจที่เติบโตช้าลง เป็นผลมาจากการบริโภคของภาคเอกชนที่ลดลง ตลาดอสังหาฯ ตกต่ำ และอุปสงค์ภายนอกที่ชะลอตัวลงอย่างมาก นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.5% เนื่องจากเงินเดือนข้าราชการเพิ่มขึ้น

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/wb-projects-vietnam-s-economic-growth-to-slow-to-4-7-this-year-2197044.html

‘S&P Global’ เผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเวียดนาม ปรับตัวลดลงเล็กน้อย มียอดคำสั่งซื้อใหม่ เดือน ก.ย.

รายงานของ S&P Global ระบุว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเวียดนาม เดือน ก.ย.66 อยู่ที่ระดับ 49.7 จากระดับ 50.5 ในเดือน ส.ค.66 ได้ส่งสัญญาถึงภาวะถดถอยทางธุรกิจแก่ภาคอุตสาหกรรมในเวียดนาม ถึงแม้ว่ายอดคำสั่งซื้อใหม่จะเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน อย่างไรก็ดี จากข้อมูลพื้นฐานแสดงให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมทางการตลาดมีความแข็งแกร่งและความเชื่อมั่นทางธุรกิจดีขึ้น แต่หากพิจารณาในภาพรวมยังเผชิญกับอุปสรรคหลากประการ ได้แก่ ภาวะเงินเฟ้อสูง ผลผลิตและการจ้างงานลดลง ต้นทุนวัตถุดิบและราคาผลผลิตที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1594585/viet-nam-records-21-68-billion-trade-surplus-in-nine-months.html

CPI เวียดนาม เดือน ก.ย. พุ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี

สำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเวียดนามในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.08% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากค่าเล่าเรียนที่เพิ่มขึ้น ราคาข้าวที่สูงขึ้น ค่าก๊าซและเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และค่าเช่าที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคเฉลี่ย 9 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นมาจากราคาตั๋วเครื่องบินพุ่ง 71.56% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-cpi-in-sept-rises-to-five-year-high/

‘ศก.เวียดนาม’ เติบโตเด่นสุดในอาเซียน ปี 2566

คณะกรรมการบริหารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามในปี 2566 มีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากภาคการส่งออกที่กลับมาฟื้นตัวและการผ่อนคลายนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายการคลัง และมองว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงสามารถควบคุมได้ มีอัตราต่ำกว่าเป้าหมายที่ 4.5% ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ กล่าวชื่นชมหน่วยงานของรัฐบาลเวียดนามในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความท้าทายจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงยังคงสูงขึ้นและจำเป็นที่จะต้องรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค รวมถึงการส่งเสริมการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการด้านกรอบการดำเนินการทางการคลังและงบประมาณของรัฐ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnamese-economy-likely-to-lead-asean-s-growth-this-year-2195780.html

ราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนใน สปป.ลาว

ด้วยสถานการณ์รายได้ภาคครัวเรือนส่วนใหญ่ของคน สปป.ลาว ไม่สามารถสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลทำให้ภาคครัวเรือนจำเป็นต้องลดการใช้จ่ายด้านอาหาร สุขภาพ และการศึกษา ตามการสำรวจครั้งล่าสุดของธนาคารโลก (World Bank) ซึ่งราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นผลมาจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ รวมถึงความไม่มั่นคงทางอาหารในประเทศ

สำหรับการสำรวจของธนาคารโลกในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม พบว่ากว่าร้อยละ 87 ของครัวเรือน กล่าวว่า ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น และเพื่อเป็นการรับมือส่วนใหญ่ภาคครัวเรือนได้มีการเพาะปลูก รวมถึงเปลี่ยนไปกินอาหารราคาถูกลง หรือลดปริมาณในการบริโภคลง ไปจนถึงจำเป็นต้องขายทรัพย์สิน หรือกู้ยืมเงินมากขึ้น โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวใช้จ่ายด้านการศึกษาลดลง และมากกว่าร้อยละ 14 ของเด็กวัยเรียนจำเป็นต้องพักการเรียนลง จากผลกระทบดังกล่าว แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันจะเริ่มผ่อนคลายลงนับตั้งแต่ต้นปี 2023 แต่อัตราเงินเฟ้อก็ยังคงสูง ซึ่งเมื่อเทียบเป็นรายปีอยู่ที่ประมาณร้อยละ 36 และเพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ธนาคารโลกแนะนำให้เลิกใช้มาตรการลดหย่อนภาษี และการยกเว้นภาษี รวมถึงปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นร้อยละ 10 ปรับปรุงคุณภาพการลงทุนภาครัฐและสัมปทาน เสริมสร้างการกำกับดูแลของภาคธนาคาร ไปจนถึงทำการเจรจาหนี้ และสร้างกฎเกณฑ์สำหรับการลงทุนภาคเอกชนให้ง่ายขึ้น เพื่อหวังดึงอัตราเงินเฟ้อลง

ที่มา : https://www.worldbank.org/en/news/press-release/2023/09/19/food-prices-affect-families-in-lao-pdr-despite-easing-inflation

ในช่วงเดือนสิงหาคม อัตราเงินเฟ้อ สปป.ลาว ชะลอตัวลงแตะ 25.88%

อัตราเงินเฟ้อในประเทศ สปป.ลาว ณ ช่วงเดือนสิงหาคมลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 25.88 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ร้อยละ 27.8 ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติ สปป.ลาว โดยราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.85 ต่ำกว่าในช่วงเดือนก่อนที่อยู่ที่ระดับร้อยละ 37.81 ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการปรับตัวลดลงของราคาสินค้ากลุ่มดังกล่าว สำหรับภาคส่วนที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำสุดในเดือนสิงหาคม ได้แก่ เครื่องใช้ในครัวเรือนอยู่ที่ร้อยละ 0.20 ไปรษณีย์และโทรคมนาคมร้อยละ 0.57 และการศึกษาร้อยละ 0.75 แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามควบคุมการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการแล้วก็ตาม ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อใน สปป.ลาว มาจากค่าเงินกีบที่อ่อนค่าลง หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น และการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงไปยังเศรษฐกิจของ สปป.ลาว รวมไปถึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำรงชีวิตของประชาชน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/laos-inflation-drops-to-2588-in-august/267230.vnp

ทางการ สปป.ลาว จ่อขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในช่วงเดือน ต.ค.

สำนักนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว อนุมัติขึ้นค่าจ้างรายเดือนขั้นต่ำในประเทศจาก 67 ดอลลาร์ ขึ้นเป็น 83 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยจะเริ่มปรับขึ้นในช่วงเดือน ต.ค.ปีนี้ หลังผ่านการอนุมัติจากการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำเดือนในเดือน ก.ค. แม้จะมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างในภาคเอกชน แต่ในที่ประชุม ครม. ยังไม่ได้กล่าวถึงการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการโดยเฉพาะข้าราชการที่ปัจจุบันมีเงินเดือนประมาณ 100 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งการปรับขึ้นเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ร่วมกับเงินกีบมีการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบอย่างมากต่อค่าครองชีพของคนในประเทศ ด้าน Keovisouk Dalasane กรรมการผู้จัดการบริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล บริษัท 108 Jobs กล่าวเสริมว่า ทุกอุตสาหกรรมต้องประเมินค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงเพื่อประโยชน์ต่อสภาพความเป็นอยู่ของพนักงาน ภายใต้ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่มั่นคง ซึ่งนายจ้างยังสามารถขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำได้โดยไม่ต้องขออนุมัติจากรัฐบาลเพื่อเป็นการช่วยเหลือพนักงานในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/08/18/laos-to-increase-minimum-wage-for-workers-in-october/

เงินเฟ้อไทย ก.ค. 66 เพิ่ม 0.38% ยังต่ำสุดในอาเซียน

นายพูนพงษ์ นัยนาภาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์ทางการค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ 107.82 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2556 ที่อยู่ที่ 107.41 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นเพียง 0.38% ซึ่งสูงขึ้นจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากเทียบเงินเฟ้อไทยกับต่างประเทศ (ข้อมูลล่าสุดเดือน มิ.ย. 2566) พบว่าอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ และต่ำที่สุดในอาเซียน นอกจากนี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในอีก 5 เดือนที่เหลือ เงินเฟ้อน่าจะเพิ่มขึ้นไม่เกินเดือนละ 1%

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-1364174