ธนาคารกลางเมียนมา ดำเนินการกับตัวแทนจำหน่ายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด

ธนาคารกลางแห่งเมียนมาได้เพิกถอนใบอนุญาตของผู้ค้าเงินตราต่างประเทศ 4 รายเป็นการชั่วคราวเป็นเวลา 3 เดือน เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติภายใต้กฎหมายว่าด้วยการจัดการการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หลังจากมีการตรวจสอบทันที โดยตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตเหล่านี้ ได้แก่ Thura Nay Tun (ร้านรับแลกเงินที่มีชื่อเสียง), Lead Star Money Changer, Steber Group Money Changer และ Asia Shwe Thee Money Changer อย่างไรก็ดี การตรวจสอบได้ดำเนินการในย่างกุ้งเมื่อวันที่ 6 และ 8 มีนาคม โดยทีมงานร่วมที่นำโดยคณะกรรมการติดตามและกำกับดูแลตลาดทองคำและสกุลเงิน รวมถึงธนาคารกลางแห่งเมียนมา คณะกรรมการพัฒนาเมืองย่างกุ้ง ฝ่ายบริหารทั่วไป องค์กรบังคับใช้กฎหมาย นอกจากนี้ธนาคารกลางเมียนมา กำลังทำการตรวจสอบเคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในสถานที่ว่าปฏิบัติตามคำสั่งภายใต้กฎหมายการจัดการการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศหรือไม่ และจะดำเนินการสุ่มตรวจสอบต่อไปตามข้อกำหนดภายใต้กฎหมาย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/cbm-takes-administrative-action-against-4-non-compliant-foreign-exchange-dealers-by-suspending-their-licenses-for-3-months/#article-title

บังคลาเทศซื้อหัวหอมของเมียนมา โดยส่งออกทางทะเลเป็นหลัก

เจ้าของศูนย์ขายส่งหัวหอมในเมียนมาให้สัมภาษณ์ ว่า บังคลาเทศซื้อหัวหอมที่ปลูกในเมียนมาเพื่อเตรียมสต็อกไว้สำหรับเดือนรอมฎอน โดยที่การซื้อส่วนใหญ่จะส่งออกทางทะเล ทั้งนี้ ในเดือนตุลาคม 2023 ราคาหัวหอมอยู่ที่ประมาณ 2,600 จ๊าดต่อviss ในตลาดท้องถิ่น และเพิ่มขึ้น 500 จ๊าดต่อviss ในสามวัน เนื่องจากความต้องการของบังกลาเทศ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีการผลิตหัวหอมมากมายในทุกพื้นที่ ราคาจึงลดลงในตลาดท้องถิ่น และยังไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าราคาหัวหอมมีแนวโน้มจะลดลงอีกเท่าใด รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่านี่เป็นฤดูเก็บเกี่ยวในทุกภูมิภาคและรัฐ ผลผลิตจึงมีมากนอกจากนี้ ราคาต่อviss ที่เผยแพร่โดยศูนย์ขายส่งสินค้า Bayintnaung เมื่อวันที่ 11 มีนาคม หัวหอม seikphyu มีราคาอยู่ที่ 2800, 2700, 2600 และ 2200 จ๊าดต่อviss และหัวหอม Myingyan อยู่ที่ 2900 จ๊าดต่อviss

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/bangladesh-buys-myanmar-onions-exports-made-mainly-by-sea/

ราคาเนื้อหมูที่เพิ่มในเมียนมาขึ้นยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ราคาเนื้อหมูในเมียนมาเพิ่มสูงขึ้นระหว่างปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม และราคาหมูทั้งตัวที่ตลาดขายส่งมัณฑะเลย์เพิ่มขึ้นจาก 8,000 จ๊าดเป็น 9,000 จ๊าดต่อviss โดยผู้เพาะพันธุ์หมูในเมือง Yamethin กล่าวว่า ราคาหมูในเมียนมากล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ราคาหมูสูงขึ้นไม่ได้มาจากการขนส่ง แต่เป็นผลจากอาหารสัตว์ที่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันอาหารสัตว์ราคาอยู่ที่ 40,000 จ๊าดต่อถุง โดยหากเป็นอาหารสำหรับลูกหมูราคาจะยิ่งสูงขึ้นอีก อย่างไรก็ดี ราคาอาหารสัตว์เริ่มขยับเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและมีแนวโน้มที่จะยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ค้าต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น รวมถึงผู้บริโภคเองก็ต้องเผชิญกับราคาเนื้อหมูที่ปรับขึ้นด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/rising-pork-price-expected-to-increase-further-in-coming-days/#article-title

เมียนมาส่งออกถั่วพัลส์ 1.48 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 11 เดือน

สถิติของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า เมียนมาส่งออกถั่วพัลส์มากกว่า 1.48 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1.256 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับคู่ค้าต่างประเทศในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบันปี 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน โดยแบ่งเป็นการส่งออกผ่านเส้นทางเดินเรือ คิดเป็นมูลค่า 1.131 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งออกพัลส์มากกว่า 1.338 ล้านตัน ในขณะที่ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางชายแดน กว่า 143,119.469 ตัน มูลค่า 124.722 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม เมียนมาส่งออกถั่วพัลส์หลากหลายประเภท ได้แก่ ถั่วดำ ถั่วเขียว และถั่วลันเตาไปยังตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยที่ถั่วดำและถั่วลันเตาจะถูกส่งไปยังอินเดียเป็นหลัก ส่วนถั่วเขียวจะถูกส่งออกไปยังจีนและยุโรป นอกจากนี้ อินเดียมีความต้องการและการบริโภคถั่วดำและถั่วลันเตาเพิ่มมากขึ้น ตามบันทึกความเข้าใจระหว่างเมียนมาและอินเดียที่ลงนามเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ซึ่งอินเดียจะนำเข้าถั่วดำจำนวน 250,000 ตัน และถั่วลันเตา จำนวน 100,000 ตันจากเมียนมาเป็นเวลาห้าปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2565 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569 ซึ่งสนธิสัญญา G-to-G นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อโควตาประจำปีของถั่วพัลส์ที่อินเดียกำหนด ผู้ส่งออกของเมียนมายังมีสิทธิ์ส่งพัลส์ไปยังอินเดียภายใต้โควต้าประจำปีนั้น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-1-48m-tonnes-of-pulses-worth-us1b-in-11-months/

รัฐมนตรีสหภาพแรงงานและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 30

คณะผู้แทนเมียนมานำโดย ดร.คาน ซอ รัฐมนตรีสหภาพแรงงานและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 30 ซึ่งจัดขึ้นที่หลวงพระบาง สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 8-9 มีนาคม 2567 รัฐมนตรี โดยการประชุมดังกล่าวมีนายมาลัยทอง คมมสิต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ สปป. ลาว เป็นประธาน และมีรัฐมนตรีเศรษฐกิจจากอาเซียน และติมอร์เลสเต เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจ (SEOMs) และผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน สมาชิกสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน เลขาธิการอาเซียน รองเลขาธิการประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และเจ้าหน้าที่ ในช่วงแรกของการประชุม สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนได้นำเสนอลำดับความสำคัญสำหรับปี 2567 และข้อเสนอแนะสำหรับการเสริมสร้างการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ส่วนในช่วงที่ 2 ของการประชุม รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้หารือและให้แนวทางกิจกรรมต่างๆ ที่จะดำเนินภายใต้เสาหลักเศรษฐกิจอาเซียน ตามผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 รวมถึง ลำดับความสำคัญสำหรับปี 2024 ประเด็นการลงนามข้อตกลงเศรษฐกิจอาเซียน ความคืบหน้าของการเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน และ ความคืบหน้าของการเจรจากรอบความตกลงเศรษฐกิจอื่นๆ อย่างไรก็ดี เขายังแสดงความจำเป็นที่จะต้องเร่งการเจรจาเพื่อให้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (3.0) ยกระดับการเจรจาให้แล้วเสร็จภายในปี 2567 เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) นอกจากนี้ รัฐมนตรีสหภาพเมียนมาเน้นย้ำว่า กำลังทำงานร่วมกับประเทศสมาชิก ในฐานะประเทศสมาชิก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาหลักการของความเสมอภาค พันธกรณีร่วมกัน และความเป็นศูนย์กลางของอาเซียน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/mifer-union-minister-attends-30th-asean-economic-ministers-retreat-meeting/

‘เวียดนาม’ เผยราคาข้าวตกต่ำ สวนทางโลกขาดแคลน

นาง Bui Thi Thanh Tam ผู้อำนวยการบริษัท Vinafood 1 ยืนยันว่าผู้ส่งออกข้าวของเวียดนามชนะประมูลขายข้าวให้อินโดนีเซีย 4 แสนตัน จากที่ต้องการซื้อราว 5 แสนตัน โดยอินโดนีเซียเป็นผู้บริโภคข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของเวียดนาม เนื่องจากมีความขาดแคลนข้าวอย่างมาก และจากข้อมูลในเดือน ก.พ.67 พบว่าอินโดนีเซียประสบปัญหาขาดแคลนข้าวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ทำให้รัฐบาลอินโดนีเซียต้องเพิ่มการนำเข้าข้าวในปีนี้อีก 3.6 ล้านตัน

ทั้งนี้ สมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) เปิดเผยว่าราคาข้าวของเวียดนามลดลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือนก.พ. และจากข้อมูลในวันที่ 5 มี.ค. แสดงให้เห็นว่าราคาข้าวหัก 5% ของเวียดนาม อยู่ที่ 579 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ 663 เหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาข้าวที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ตรงกันข้ามกับที่คาดการณ์ไว้ว่าราคาข้าวจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการขาดแคลนอุปทานในโลก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/after-half-year-of-rising-prices-rice-prices-start-to-fall-2257559.html

‘ตลาดรถยนต์เวียดนาม’ ซบเซาในช่วงต้นปี 67

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่าจำนวนรถยนต์ที่ผลิตและประกอบในประเทศลดลงอย่างมีนัยสำคัญในเดือน ก.พ.67 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและปีที่แล้ว ในขณะเดียวกันก็นำเข้ารถยนต์ลดลง โดยหากพิจารณารถยนต์ที่ผลิตและประกอบในประเทศช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าปริมาณรวมกันทั้งสิ้น 37,500 คัน ลดลง 9.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และจำนวนรถยนต์ที่นำเข้าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 12,955 คัน คิดเป็นมูลค่าราว 262 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 51.6% และ 54.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามลำดับ นับเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ตัวแทนจำหน่ายโตโยต้า ได้เสนอส่วนลดรถยนต์รุ่น Yaris Cross ในขณะที่ฮอนด้าเวียดนามเสนอส่วนลดค่าธรมเนียมการจดทะเบียนลง 50% สำหรับรุ่น HR-V และให้ชุดอุปกรณ์เสริมกับลูกค้า

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1651663/viet-nam-automobile-market-remains-stagnant-in-early-2024.html

กัมพูชารายงานการจดทะเบียนรถไฟฟ้าใหม่ประจำปี 2023 แตะ 604 คัน

รายงานจากกระทรวงโยธาธิการและคมนาคมระบุว่าทางการกัมพูชาจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ใหม่ 604 คันในปี 2023 ทำให้ยอดรวมรถ EV ในประเทศอยู่ที่ 1,335 คัน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเสริมว่ากัมพูชามีรถยนต์ไฟฟ้าเพียง 5 คัน ในปี 2020 และเพิ่มขึ้นเป็น 63 คันในปี 2021 และเพิ่มขึ้นเป็น 663 คันในปี 2022 ขณะที่ปัจจุบันมีสถานีชาร์จ EV มีให้บริการใน 18 แห่งทั่วประเทศ ด้าน Moeurng Sokmeng หัวหน้าฝ่ายขายของบริษัท Mingyang Guoji Co., Ltd. ซึ่งเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายรถยนต์อย่างเป็นทางการของแบรนด์ Hongqi ของจีนในกัมพูชา กล่าวเสริมว่าความสนใจของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากผู้คนตระหนักถึงข้อดีของ EV มากขึ้น อีกทั้ง รถ EV มีชิ้นส่วนน้อยกว่ารถยนต์เบนซินหรือดีเซลมาก ดังนั้นค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซมจึงต่ำกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501449124/cambodia-registers-604-new-evs-in-2023/

เมียนมาส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำมูลค่ากว่า 624 ล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ 2566-2567

ตามรายงานของ U Nyunt Win ผู้อำนวยการกรมประมง (เนปิดอว์) ระหว่างเดือนเมษายน 2566 ถึงกุมภาพันธ์ 2567 ของปีการเงิน 2566-2567 เมียนมาส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำมากกว่า 300 รายการไปยัง 45 ประเทศ สร้างรายได้กว่า 624.473 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการส่งออกเป็นประจำไปยังประเทศญี่ปุ่น ประเทศในตะวันออกกลาง ประเทศในสหภาพยุโรป มาเลเซีย จีนไทเป และออสเตรเลีย อย่างไรก็ดี การส่งออกผลิตภัณฑ์ทางทะเลรวมจำนวน 435,000 ตัน มีช่องทางการส่งออกผ่านการขนส่งทางอากาศ และผ่านชายแดนเป็นหลัก ทั้งนี้ เนื่องจากการระงับเส้นทางการค้าชายแดนบางเส้นทางด้วยเหตุผลหลายประการ รายได้ในปีนี้จึงลดลง 52 ล้านเหรียญสหรัฐ หากเทียบกับยอดรวมของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 676.528 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ กรมและผู้ส่งออกกำลังร่วมมือกันเพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละประเทศที่ซื้อผลิตภัณฑ์ทางทะเลจากเมียนมา เพื่อให้มั่นใจว่ามีการส่งออกอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตัวอย่างเช่น จีนมีเกณฑ์การนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่เข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับสถานะปลอดเชื้อ COVID-19

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-exports-aquatic-products-worth-over-us624m-in-2023-24-financial-year/

ม.ค. มูลค่าการค้าระหว่าง กัมพูชา-RCEP ขยายตัวกว่า 21.2%

มูลค่าการค้าระหว่างกัมพูชากับประเทศสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ในช่วงเดือนมกราคม 2024 มีมูลค่ารวมสูงถึง 2.74 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ (MoC) ซึ่งปริมาณการค้ารวมดังกล่าวคิดเป็นกว่าร้อยละ 67.6 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 4.05 พันล้านดอลลาร์ โดยประเทศคู่ค้าหลัก 5 อันดับแรก ภายใต้ข้อตกลง ได้แก่ จีน เวียดนาม ไทย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ด้าน Penn Sovicheat รัฐมนตรีต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์กัมพูชาและโฆษก กล่าวว่า RCEP ถือเป็นตัวเร่งการเติบโตทางการค้าของประเทศ และเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรมากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501449110/cambodias-trade-with-rcep-countries-up-21-2-pct-in-january/