“เวียดนาม” เผยยอดธุรกิจเลิกกิจการพุ่ง หลังเผชิญการระบาดโควิด-19 ระลอกที่ 4

กระทรวงการวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม (MPI) เปิดเผยว่าจำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการในเดือนก.ค. 65 มีจำนวน 94,600 ราย เพิ่มขึ้นราว 15,000 ราย จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ธุรกิจหยุดกิจการชั่วคราว มีจำนวน 56,000 ราย เพิ่มขึ้น 39.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่บริษัทอื่นๆ 28,200 รายรอการเลิกกิจการ ทั้งนี้ หากพิจารณาภาพรวมจำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศในช่วง 7 เดือนแรกของปีที่แล้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 80,000 ราย เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบเป็นรายปี สาเหตุสำคัญมาจากการต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญ มองว่าการปิดกิจการ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการปิดกิจการบางส่วน เป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงความขัดแย้งของรัสเซีย-ยูเครน การแพร่ระบาดของโควิดและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/more-businesses-exit-market-after-fourth-covid-wave/

เดือนเม.ย.-ก.ค.65 เมียนมาส่งออกข้าวไปแล้วกว่า 733,000 ตัน สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ 249 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) เผย 4 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ (เม.ย.-ก.ค.2565) เมียนมาส่งออกข้าวและข้าวหักจำนวน 733,098 ตัน โดยมีรายได้ประมาณ 249 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังพบว่าการส่งออกในเขตชายแดนลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วสาเหตุความล่าช้าเกิดจากความเข้มงวดของชายแดนจีน ปัจจุบันมีการส่งออกข้าวและข้าวหักมากกว่า 10,000 ถุง ผ่านชายแดนมูเซไปยังจีนทุกวัน ส่วนใหญ่เมียนมาส่งออกข้าวไปยัง 20 ประเทศ เช่น จีน (92,622 ตัน) และฟิลิปปินส์ (91,374 ตัน) เป็นต้น โดยราคาพันธุ์ข้าวขาวอยู่ที่ประมาณ 325-360 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน และพบว่าราคาข้าวของเมียนมาค่อนข้างต่ำกว่าคู่แข่งอย่างไทยและเวียดนาม ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2563-2564 เมียนมามีรายได้ถึง 700 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ จากการส่งออกข้าว 2 ล้านตันไปยังต่างประเทศ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-249-mln-worth-of-over-733000-mt-of-rice-in-past-4-months/

เขตพัฒนาเศรษฐกิจใหม่สีทันดอนเปิดตัวเมกะโปรเจกต์ใน สปป.ลาว

เขตพัฒนาเศรษฐกิจใหม่สีทันดอน (SEZ) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ สปป.ลาว กำลังเริ่มก่อสร้างโครงการพัฒนาที่สำคัญ 2 โครงการ หลังจากเสร็จสิ้นการสำรวจที่ดินที่ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่เขตและรัฐบาล โดยหนึ่งในโครงการพัฒนาคือโรงแรมขนาดใหญ่ใกล้กับแม่น้ำโขงและน้ำตกคอนพะเพ็ง ซึ่งรูปแบบอาคารจะสร้างขึ้นในรูปแบบแคนคู่ คาดว่าจะมีความสูงประมาณ 238.98 เมตร และคาดว่าจะเป็นอาคารที่สูงที่สุดใน สปป.ลาว โดยอีกหนึ่งโครงการคือคลังสินค้า ตั้งอยู่ห่างจากชายแดน สปป.ลาว-กัมพูชา 3 กม. โดยระยะแรกของการพัฒนาครอบคลุมพื้นที่ 120,000 ตารางเมตร ซึ่งโครงการจะประกอบด้วยคลังสินค้า สำนักงานศุลกากร หอพักของบริษัท พื้นที่ห้องเย็น และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงภาคการขนส่งในพื้นที่และส่งเสริมการค้าในภูมิภาค ในขณะที่ต้นทุนการก่อสร้างของทั้งสองโครงการยังไม่เปิดเผย ซึ่งการพัฒนาเฟสแรกของเขตพัฒนาเศรษฐกิจใหม่สีทันดอนมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2025 โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ เริ่มก่อสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2018

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten148_Sithandone.php

กัมพูชาลงนาม MoU ร่วมกับเกาหลีใต้ หวังเพิ่มการส่งออกสินค้าเกษตร

รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของกัมพูชา (MAFF) ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ Korea Agro-Fisheries and Food Trade Corporation และ Orient Group ของกัมพูชา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 ก.ค.) เพื่อปูทางให้ภาคเอกชนของกัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรไปยังเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้น ด้าน Sokhon รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร กล่าวว่า ปัจจุบันกัมพูชามีผลผลิตส่วนเกิน อาทิเช่น ข้าว มันสำปะหลัง กล้วย มะม่วง และยางพารา พร้อมที่จะส่งออก หลังจากมีสต็อกเพียงพอสำหรับป้อนตลาดภายในประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรยังได้ลงนาม MoU ไตรภาคีอีกฉบับหนึ่งกับมหาวิทยาลัยและ Orient Group เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการเกษตรในกัมพูชา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต เพิ่มผลผลิต ห่วงโซ่มูลค่าการผลิต การเพิ่มมูลค่า และความสามารถในการแข่งขันในการส่งออก ทั้งในด้านปริมาณ คุณภาพ และความปลอดภัย โดยปัจจุบันกัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่ารวม 111.35 ล้านดอลลาร์ ไปยังเกาหลีใต้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หากคิดเป็นปริมาณการค้ารวมปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 หรือคิดเป็นมูลค่า 421.33 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาดังกล่าว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501124224/kingdom-inks-mou-to-export-agro-products-to-s-korea/

คาดอัตราเงินเฟ้อกัมพูชาลดลงเหลือ 3.2% ในช่วงครึ่งหลังของปี

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) คาดอัตราเงินเฟ้อกัมพูชาจะลดลงเหลือร้อยละ 3.2 หลังจากเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.5 ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก เป็นผลอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้น รวมถึงการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศที่ยังไม่ดี ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงร้อยละ 18.2 สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบโลก โดยอุปทานน้ำมันทั่วโลกได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดของสงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ควบคู่ไปกับอุปสงค์ที่ฟื้นตัวทั่วโลก ซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะลดลงเฉลี่ยร้อยละ 3.2 เป็นผลมาจากการคาดการณ์ราคาน้ำมันที่ชะลอตัวลงกว่าร้อยละ 9.3 ในขณะที่ราคาอาหารคาดว่าจะลดลงเหลือร้อยละ 2.5 โดยได้รับการสนับสนุนจากการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงจีนก็เริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆลง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501124651/inflation-in-kingdom-expected-to-drop-to-3-2-pct/

พณ.เปิดตัวเลขการค้า RCEP ครึ่งปีแรกพุ่ง 169 พันล้านเหรียญสหรัฐ โตกว่า 13% หนุนใช้ประโยชน์เพิ่มช่องทางนำเข้าสินค้าทุน

นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ติดตามสถิติการค้าของไทยกับกลุ่มประเทศสมาชิก RCEP ในช่วงครึ่งปีแรก โดยได้รับรายงานว่า นับจากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ผ่านมา การค้าระหว่างไทยกับประเทศสมาชิก RCEP ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.65) มีมูลค่ารวม 169,041 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปยังประเทศสมาชิก RCEP มูลค่า 78,172 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9% ตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัวได้ดี อาทิ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ส่งออกภายใต้ความตกลง RCEP ในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.65 มีมูลค่า 204.13 ล้านเหรียญสหรัฐ (+2,296%) เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2565 ซึ่งเป็นเดือนแรกของการมีผลบังคับใช้ความตกลง RCEP โดยมีผู้ส่งออกขอใช้สิทธิ์ RCEP ไปยังญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ มากที่สุด และสินค้าที่ขอใช้สิทธิ์ส่งออกสูงสุด อาทิ น้ำมันดิบ ปลากระป๋องและแปรรูป มันสำปะหลัง ทุเรียนสด และรถจักรยานยนต์ สำหรับการนำเข้าโดยใช้สิทธิ์ RCEP มีมูลค่า 72.34 ล้านเหรียญสหรัฐ (+1,887%) และรายการสินค้าที่ใช้สิทธิ์นำเข้าสูงสุด อาทิ ด้ายเส้นใยประดิษฐ์ เคมีภัณฑ์ ไม้อัด เม็ดพลาสติก และส่วนประกอบเครื่องยนต์ (ลูกสูบ)

ที่มา : https://siamrath.co.th/n/370441

สรท.หวังส่งออกปีนี้โต 10% อานิงสงส์จากเงินบาทอ่อน

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า  สรท.คาดการณ์การส่งออกรวมปี 2565 ทั้งปีที่ 6-8%  โดยมีปัจจัยบวกมาจากค่าเงินบาทมีการเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายการผลิตโลก (PMI) เดือนมิ.ย.ของประเทศคู่ค้าสำคัญเช่น สหรัฐฯ ยุโรป อังกฤษ ญี่ปุ่น ยังทรงตัวเหนือเส้น Baseline ระหว่าง 50-60 ขณะที่จีนเริ่มฟื้นกลับมาเหนือระดับ Baseline หลังจากก่อนหน้า PMI หดตัวต่ำกว่าที่คาดสะท้อนการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของกิจกรรมการผลิตและเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ สรท. มีข้อเสนอแนะที่สำคัญประกอบด้วย 1. ขอให้ธปท. คงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% เพื่อประคองให้การฟื้นตัวภาคธุรกิจยังคงดำเนินการได้ และขอให้ธนาคารพาณิชย์ เร่งออกแคมเปญเพื่อช่วยเติมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการส่งออกตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต  เร่งสร้างโอกาสทางการในตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญ เช่น CLMV รวมถึงตลาดที่มีกำลังซื้อสูง

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1018581

“เวียดนาม” เผยเดือน ก.ค. ยอดการค้าปลีกและบริการพุ่ง

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่ายอดการค้าปลีกสินค้าและบริการในเดือนก.ค.65 อยู่ที่ 486 ล้านล้านดอง (20.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขยายตัว 2.4% จากเดือนก่อน และ 42.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 ยอดการค้าปลีกสินค้ารวมทั้งสิ้น 3.2 พันล้านล้านดอง ขยายตัว 16% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

หากแบ่งยอดการค้าปลีกจะพบว่ารายได้จากการค้าปลีกสินค้าอยู่ที่ราว 2.55 พันล้านล้านดอง (13.7%YoY) ในขณะเดียวกัน รายได้จากที่พักและบริการจัดเลี้ยงอยู่ที่ 324.9 ล้านล้านดอง (37.5%YoY) เนื่องจากความต้องการในการเดินทางเพิ่มขึ้น หลังจากหายไป 2 ปีจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะรายได้ในเดือนก.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 134.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามมาด้วยรายได้จากการเดินทางและท่องเที่ยว 11.9 ล้านล้านดอง และรายได้จากบริการอื่นๆ 312.6 ล้านล้านดอง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/julys-retail-sale-of-goods-services-surges/234795.vnp

สื่อดังเยอรมัน ยกย่องเศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวแข็งแกร่ง

หนังสือพิมพ์สัญชาติเยอรมัน “Junge Welt” เผยแพร่ข่าวที่เป็นประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับการกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจเวียดนาม หลังจากใข้ระยะเวลากว่า 2 ปี ในการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทางฝั่งบทความของนาย Gerhard Feldbauer รายงานว่าในขณะที่เศรษฐกิจจากประเทศตะวันตก เริ่มแสดงสัญญาณของภาวะถดถอย แต่เศรษฐกิจเวียดนามกำลังอยู่ในช่วงเร่งฟื้นตัวอย่างเต็มที่ และยังได้อ้างข้อมูลที่รวบรวมมาจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนาม (GSO) ระบุว่าเมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 85% มองทิศทางเศรษฐกิจอยู่ในเชิงบวกในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตอุตสาหกรรม 6,500 ราย และธุรกิจก่อสร้าง 6,800 รายที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของการสำรวจครั้งนี้ ตลอดจนราว 20% จะจ้างแรงงานมากขึ้นในไตรมาส 3

นอกจากนี้ ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (HSBC) ยังได้รายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคภายในระยะเวลา 2 ปีติดต่อกันนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/junge-welt-hails-strong-vietnamese-economic-recovery-post960574.vov

แรงงานย้ายถิ่นสปป.ลาว ส่งเงินกลับบ้านราวหลายล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้

ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ชาวลาวที่ทำงานในต่างประเทศได้ส่งเงินจำนวนหลายล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังประเทศบ้านเกิด โดยเงินส่วนใหญ่จะส่งไปให้ครอบครัว การส่งเงินข้างต้นคาดว่าจะมีมูลค่าราว 4.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน จากนั้นจะใช้ไปกับการซื้อสินค้าและบริการในประเทศ นับว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ

ทั้งนี้ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมของสปป.ลาว กล่าวว่าการจ้างงานชาวลาวในต่างประเทศ มีข้อดีหลายประการทั้งคนงานเองและประเทศสปป.ลาว แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้สปป.ลาวขาดแคลนแรงงานในบางภาคส่วนของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เดือนมิ.ย. ชาวลาวจำนวนมากกว่า 13,000 คน เดินทางไปเกาหลี ไทยและญี่ปุ่น เพื่อที่จะหางานทำหลังจากผ่านการทดสอบความสามารถในสปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten147_Lao_migrant_y22.php