จีน-กัมพูชา ลงนาม MoU จัดตั้งโครงการผลิตยางรถยนต์มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์

ทางการกัมพูชาและจีนได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เกี่ยวกับแผนการลงทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ในโครงการผลิตยางและยางรถยนต์ร่วมกัน ตามคำแถลงของสภาพัฒนากัมพูชา (CDC) โดยข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการไปเยือน ณ ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีวิศวกรรมยางและยางแห่งชาติของจีน (NERCRAT) ของรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา Sun Chanthol ซึ่งทุกฝ่ายตั้งเป้าที่จะร่วมกันเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงการสำคัญๆ หลายโครงการเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางระหว่างกัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501423710/china-and-cambodia-sign-1billion-rubber-tire-projects-agreement/

กลุ่มบริษัทร่วมดันภาคการท่องเที่ยวสีหนุวิลล์ งบประมาณกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์

กลุ่มบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้ร่วมกันประกาศการลงทุนในโครงการพัฒนาภาคท่องเที่ยว ในนาม ‘Sihanoukville Royal Heritage Village’ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 1.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะตั้งอยู่ในชุมชน Bet Trang อำเภอ Prey Nob จังหวัดสีหนุวิลล์ โดยบริษัท 5 แห่ง ได้แก่ Pitou และ LJ โดยเป็นบริษัทพัฒนาในกัมพูชาร่วมมือกับ บริษัท Amarta Pura จากอินโดนีเซีย บริษัท DCI จากสาธารณรัฐเกาหลี และ บริษัท KWK จากสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ณ กรุงพนมเปญ ขณะที่โครงการก่อสร้างหมู่บ้านดังกล่าวจะครอบคลุมพื้นที่ 22.5 เฮกตาร์ ในเฟสแรก ภายใต้ความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจากเกาหลีและสิงคโปร์ จากนั้นจะเตรียมพื้นที่อีกกว่า 200 เฮกตาร์ในอนาคต เพื่อทำการขยายสิ่งปลูกสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวก ภายในระยะเวลา 10 ปี โดยหากโครงการแล้วเสร็จจะมีทั้งโรงแรม คาสิโน สนามกอล์ฟ ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงพยาบาลนานาชาติ มหาวิทยาลัยนานาชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงกีฬา ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501423441/1-8-billion-tourism-development-plan-slated-for-sihanoukville/

‘องค์กรระดับโลก’ ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนาม

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลแถลงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามว่ามีทิศทางที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2566 ขยายตัว 3.32%, ไตรมาสที่ 2/66 ขยายตัว 4.14%, ไตรมาสที่ 3/66 (5.33%) และไตรมาสที่ 4/66 (6.72%) การเติบโตทางเศรษฐกิจในครั้งนี้ ส่งผลให้เวียดนามอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราการเติบโตในระดับสูง และองค์กรระดับโลกหลายแห่งชื่มชมกับความสำเร็จและโอกาสทางด้านเศรษฐกิจของเวียดนามอย่างมาก

ทั้งนี้ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ปรับประมาณการเศรษฐกิจเวียดนาม คาดว่าจะขยายตัว 6.7% ในปีนี้ เนื่องจากยอดการค้าปลีกและการผลิตของภาคอุตฯ ยังคงแข็งแกร่ง การส่งออกและการนำเข้าที่กลับมาฟื้นตัว ถึงแม้ว่าการค้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังคงมีความไม่แน่นอน

ในขณะเดียวกัน Fitch Rating องค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถือของโลก คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามจะอยู่ที่ 7% โดยมีสัญญาณเชิงบวกหลายประการ อาทิ มีข้อตกลงการค้าเสรีระดับภูมิภาคและโลก การไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ และขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านต้นทุนของเวียดนาม เป็นต้น

ที่มา : https://vir.com.vn/global-banks-high-on-gdp-prospects-108328.html

‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ มีแนวโน้มขยายตัว 6.48% หนุนนำนวัตกรรมและปฏิรูปขับเคลื่อนประเทศ

สถาบันกลางเพื่อการจัดการเศรษฐกิจ (CIEM) เปิดเผยว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามมีแนวโน้มที่จะขยายตัว 6.48% ในปี 2567 ที่ได้รับแรงหนุนจากนวัตกรรม การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและการปฏิรูปหน่วยงานหรือสถาบัน โดยทางสถาบัน CIEM ได้นำแบบจำลองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไว้ 2 สถานการณ์ ในสถานการณ์แรกจะเป็นการที่เศรษฐกิจโลกค่อยๆกลับมาฟื้นตัวที่ 2.9% และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ตลอดจนการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 6.13% ตามมาด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ 3.9% การส่งออก 4.02% และเกินดุลการค้า 5.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่สถานการณ์ที่สอง คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ 3.2% เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 6.48% ตามมาด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ 3.72% และการส่งออก 5.19%

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1639269/2024-gdp-growth-might-reach-6-48-driven-by-innovation-reforms.html

ธนาคารกลางเมียนมาขายเงินสกุลดอลลาร์ได้กว่า 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน 15 วัน

ธนาคารกลางเมียนมา (CBM) มีการขายเงินสกุลดอลลาร์ได้เกือบ 44 ล้านดอลลาร์ภายใน 15 วัน โดยแบ่งเป็น 12.93 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 1 มกราคม 16 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 5 มกราคม และ 15 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 มกราคม นอกจากนี้ ธนาคารกลางเมียนมา ยังอัดฉีดเงิน 22.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าสู่กลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิงในปีที่แล้ว ทั้งนี้ ในวันที่ 18 ธันวาคม ขายได้ 9.72 ล้านดอลลาร์ และในวันที่ 21 ธันวาคม 12.43 ล้านดอลลาร์ สำหรับบริษัทนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งธนาคารกลางเมียนมาไม่ได้เปิดเผยอัตราแลกเปลี่ยนในการขายดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางเมียนมามีการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงอยู่ที่ 2,100 จ๊าดต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดที่ไม่เป็นทางการ อยู่ที่ 3,450 จ๊าดต่อดอลลาร์

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/cbm-sells-almost-us44-million-in-15-days/#article-title

มัณฑะเลย์ไฟเขียวลงทุน 2 สัญชาติ สร้างงาน 319 ตำแหน่ง

ดร. มิน ซอ อู ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนและการบริหารบริษัทประจำภูมิภาคมัณฑะเลย์ ประกาศว่าการลงทุนของพลเมืองเมียนมา 2 รายการ ซึ่งสามารถสร้างโอกาสในการทำงานได้ 319 ตำแหน่ง ได้รับการอนุมัติในเดือนมกราคม 2567 จำนวนเงินทุนสำหรับการลงทุนใหม่อยู่ที่ 4,368.411 ล้านจ๊าด ตามที่ระบุในรายงาน อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวเน้นย้ำว่าในปี 2566 ในภูมิภาคมัณฑะเลย์ คณะกรรมการการลงทุนของเมียนมาร์ได้อนุญาตธุรกิจรวม 14 แห่ง และ 10 แห่งได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการการลงทุนแห่งภูมิภาคมัณฑะเลย์ นอกจากนี้ คณะกรรมการการลงทุนภูมิภาคมัณฑะเลย์ยังมีการออกใบอนุญาตสำหรับการลงทุนระดับชาติใหม่ของเมียนมาและการลงทุนจากต่างประเทศทุกเดือน ซึ่งจะสร้างโอกาสการจ้างงานมากขึ้นในภูมิภาคมัณฑะเลย์ ภายใต้กฎหมาย กฎเกณฑ์ และข้อบังคับ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/mandalay-region-greenlights-2-citizen-owned-investments-generating-319-jobs/

Huawei แนะสถาบันการเงิน สปป.ลาว ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์

ในงาน Lao Digital Week 2024 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่จัดโดยกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร สปป.ลาว ได้แบ่งปันความรู้ที่สำคัญในการปกป้องข้อมูลของอุตสาหกรรมการเงินจากภัยคุกคามแรนซัมแวร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Alex Wu ผู้อำนวยการฝ่ายโซลูชันอุตสาหกรรมบริการทางการเงินของ Huawei South East Asia Multi Countries ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของความปลอดภัยในข้อมูล ทั้งนี้  Alex Wu เรียกร้องให้สถาบันการเงินของ สปป.ลาว ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของตนอย่างต่อเนื่องในแง่มุมต่างๆ รวมถึงการสำรองข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา และความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยเน้นไปที่การป้องกันแรนซัมแวร์ และเน้นย้ำถึงการโจมตีของแรนซัมแวร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลผลกระทบอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย สร้างความเสียหายต่อสถาบันการเงิน ตั้งแต่ธนาคารกลางไปจนถึงธนาคารรายย่อยและผู้ใช้บริการ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_11_Huawei_y24.php

หลวงพระบางคาดมีนักท่องเที่ยว 1.7 ล้านคน ในช่วง Visit Laos Year 2024

เจ้าหน้าที่หลวงพระบางคาดว่าจะมีผู้เยือนเมืองหลวงพระบางมากกว่า 1.7 ล้านคน ในช่วงที่มีแคมเปญ Visit Laos Year 2024 และคาดว่าจะมีเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวอย่างน้อย 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปีนี้เป็นปีที่หลวงพระบาง ขึ้นทะเบียนมรดกโลกกับ UNESCO ครบรอบ 28 ปี โดยพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ถือว่าควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ซึ่งคุณค่าทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ทั้งนี้ นายบุญเหลือ มานิวงศ์ รองเจ้าแขวงหลวงพระบาง กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ทางการแขวงได้เตรียมโปรแกรมกิจกรรมเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมตลอดปีนี้ รวมถึงเทศกาลเรือไฟและวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และเป็นสัปดาห์ที่มีการมีส่วนร่วมของจังหวัดทางตะวันตกเฉียงเหนือและนครโฮจิมินห์ของเวียดนาม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_11_Luang_y24.php

สินเชื่อคงค้างของภาคการเงินรายย่อยกัมพูชาแตะ 5.13 พันล้านดอลลาร์ สำหรับ Q3/2023

ข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่โดยสมาคมไมโครไฟแนนซ์กัมพูชา (CMA) ระบุว่า ยอดสินเชื่อคงค้างในภาคการเงินรายย่อยกัมพูชาอยู่ที่ 5.13 พันล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วงสิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 โดยมีจำนวนผู้กู้ยืมสูงถึง 1.60 ล้านคน โดยร้อยละ 55 เป็นผู้หญิง ซึ่งยอดเงินฝากของสถาบันการเงินรายย่อยทุกแห่งในประเทศอยู่ที่ประมาณ 2.24 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ CMA สำหรับภาคการเงินรายย่อยของกัมพูชามีการเติบโตมากกว่าร้อยละ 20 ทั้งในแง่ของสินเชื่อและเงินฝากภายในสิ้นปี 2022 โดยพอร์ตสินเชื่อเติบโตขึ้นเป็น 9.135 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.8 ซึ่งมีบัญชีลูกค้ามากกว่า 2 ล้านบัญชี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501422993/mfi-outstanding-loans-stood-at-5-13-billion-in-2023-q3/

กัมพูชาส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ RCEP ขยายตัว 28% ในปี 2023

การส่งออกของกัมพูชาไปยังกลุ่มประเทศความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2023 ซึ่งบ่งชี้ถึงการเติบโตสำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ของกัมพูชา ส่งตรงไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าว โดยคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชามูลค่า 8.17 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มูลค่า 6.34 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นร้อยละ 34.62 ของการส่งออกกัมพูชาในปี 2023 ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) อย่างไรก็ตาม หากคิดเป็นมูลค่าการค้าระหว่างกลุ่มประเทศกลับลดลงร้อยละ 5.07 เหลือมูลค่า 29.45 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งกัมพูชาคาดว่าจะเห็นการเติบโตของการส่งออกระหว่างประเทศร้อยละ 9.4 ถึงร้อยละ 18 ตามข้อตกลง RCEP ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาระหว่างร้อยละ 2 ถึงร้อยละ 3.8 กล่าวโดยกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา (MoC)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501423017/cambodias-exports-to-rcep-nations-up-28-percent-in-2023/