รายได้ท่าเรือ PAS เพิ่มขึ้น 24% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี

Sihanoukville Autonomous Port (PAS) ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา สร้างรายได้กว่า 35.2 ล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วง 4 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยท่าเรือ PAS ได้ดำเนินการขนส่งตู้สินค้ากว่า 296,685 TEUs (ตู้) จนถึงเดือนเมษายนของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 จากปริมาณรวมกว่า 239,273 TEUs ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ด้านนักวิเคราะห์มองว่าการเติบโตของรายได้เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เริ่มมีการปรับตัวดีขึ้น ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกครั้งในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากภาคส่วนต่างๆ เช่น ภาคการท่องเที่ยวและการผลิตเสื้อผ้า ส่งผลทำให้การนำเข้าและส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลให้ท่าเรือเติบโตคือการสร้างอาคารเทียบเรือแห่งใหม่ที่เพิ่งแล้วเสร็จเมื่อปลายปี 2023 ทำให้ท่าเรือสามารถรองรับเรือขนาดใหญ่และขนถ่ายสินค้าได้มากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501499470/pas-revenue-up-24-percent-in-first-four-months/

บริการธนาคารทางอินเตอร์เน็ตยังคงตามหลังบริการธนาคารผ่านมือถือ

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) รายงานการทำธุรกรรมทางการเงินของชาวกัมพูชาว่าส่วนใหญ่ดูเหมือนจะนิยมทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันมือถือมากกว่าการใช้บริการธนาคารบนอินเทอร์เน็ต โดยจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ธุรกรรมธนาคารบนอินเทอร์เน็ตลดลงร้อยละ 7 เหลือมูลค่าทางการทำธุรกรรมรวม 18.22 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2023 จาก 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2022 ขณะที่การทำธุรกรรมผ่านระบบมือถือเติบโตกว่าร้อยละ 11 คิดเป็นมูลค่า 164 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2023 จากมูลค่า 183 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2022 ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลและธนาคารถยังได้ร่วมกันส่งเสริมการใช้งาน Bakong มากขึ้น ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลของทางการกับพูชา นอกเหนือจากนี้ ยังมีข้อเท็จจริงที่ว่าการใช้งานมือถือมีมากกว่าการใช้งานแล็ปท็อปและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในประเทศ จากรายงานของ Digital 2023 Cambodia ในไตรมาสแรกของปี 2023 โดยกัมพูชามีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพียง 11.37 ล้านคน ขณะที่การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านระบบมือถือของคนกัมพูชามีมากถึง 22.16 ล้านราย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501499458/internet-banking-lags-behind-as-mobile-banking-takes-off/

‘หุ้นเวียดนาม’ ต่างชาติเทขาย 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ปี 66

นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นเวียดนามในตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์ (HOSE) มูลค่ารวมกันทั้งสิ้น 58 ล้านล้านด่อง หรือประมาณ 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ นับตั้งแต่ปี 2566 และจากข้อมูล เปิดเผยว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เผชิญกับแรงขายหุ้นอย่างรุนแรง เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีมูลค่าเกินกว่า 58 ล้านล้านด่อง ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะทำสถิติใหม่เร็วๆนี้ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติไม่มีแนวโน้มที่จะยุติการเทขาย

ทั้งนี้ ผู้สังเกตการณ์บางราย แย้งว่ากระแสของเงินทุนจากต่างประเทศเป็นเพียงยอดขายสุทธิบางส่วน เป็นผลมาจากการปรับพอร์ดหุ้นเท่านั้น จึงมองได้รับผลกระทบจำกัดต่อตลาดโดยรวม

นอกจากนี้ แรงกดดันจากการขายกองทุน ETF ขนาดใหญ่ ได้แก่ DCVFMVN DIAMOND ETF และ Fubon ETF ที่มีการไหลออกตั้งแต่ต้นปี 2567 มากกว่า 6.3 ล้านล้านด่อง และ 800 พันล้านด่อง  ตามลำดับ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจเวียดนามยังคงได้รับการประเมินในเชิงบวกก็ตาม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1656788/foreign-investors-net-selling-exceeds-2-3-billion-since-2023.html

‘อียู’ ทุ่มงบกว่า 10.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ศึกษาโครงการส่วนต่อขยายรถไฟใต้ดิน สาย 3

สหภาพยุโรป (EU) เตรียมให้ทุนสนับสนุนสำหรับโครงงานการศึกษาความเป็นไปได้ทางเทคนิคของโครงการส่วนต่อขยายรถไฟใต้ดินสายที่ 3 กรุงฮานอย มูลค่ารวม 10 ล้านยูโร หรือประมาณ 10.8 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นไปตามข้อตกลงความช่วยเหลือระหว่างกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนามและสำนักงานเพื่อการพัฒนาแห่งฝรั่งเศส (AFD)

ทั้งนี้ รถไฟใต้ดินสายที่ 3 เส้นทางรถไฟเดิมจากสถานีรถไฟเญิน-ฮานอย ระยะทางรวม 12.4 กม. รวมถึงระยะทางใต้ดิน 4 กม. ในขณะที่ส่วนต่อขยายรถไฟจะมีระยะทางรวมกันราว 8.8 กม. ซึ่งมีเส้นทางใต้ดิน 8.13 กม. และมีสถานี 7 แห่ง ใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.59 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว รถไฟใต้ดินสายที่ 3 จะมีระยะทาง 21 กม. รวมถึงเส้นทางใต้ดิน ระยะทางมากกว่า 12 กม. เชื่อมต่อระหว่างเส้นทางรถไฟเญิน-ฮานอย-เขตหว่างมาย

ที่มา : https://en.vneconomy.vn/eu-funds-10-8-mln-to-study-extension-of-hanoi-metro-line-3.htm

สปป.ลาว-สิงคโปร์-กัมพูชา ผนึกกำลังอำนวยความสะดวกการค้าไฟฟ้าข้ามพรมแดน

กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของ สปป.ลาว และกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชา ร่วมมือจัดตั้งคณะทำงาน โดยมีหน้าที่กำหนดกรอบการทำงานที่ครอบคลุมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดนภายในอาเซียน โดยเริ่มจากความร่วมมือระหว่างทั้งสามประเทศ นอกจากนี้ ยังจะปรับปรุงกระบวนการกำกับดูแลและขั้นตอนการออกใบอนุญาตสำหรับการผลิต การส่งออก และการนำเข้าไฟฟ้าอีกด้วย ซึ่งรวมถึงการลดความซับซ้อนของการสมัครและการอนุญาตให้มีกระบวนการสำรวจใต้ทะเลและการติดตั้งสายไฟใต้ทะเลข้ามพรมแดน ทั้งนี้ คณะทำงานจะสำรวจวิธีการอำนวยความสะดวกในข้อตกลงทางการค้า และส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตและการส่งผ่านกระแสไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจว่าการซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดนระหว่างทั้งสามประเทศจะมีความราบรื่น

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/06/04/laos-singapore-cambodia-unite-to-facilitate-cross-border-electricity-trade/

กระทรวงพลังงานเดินหน้าขุดเจาะบ่อน้ำมันลึกเพื่อเพิ่มการผลิตน้ำมัน

กระทรวงพลังงานได้ประกาศแผนการจัดหาเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญระดับสากลเพื่อเจาะบ่อน้ำมันเก่าให้ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังได้รับการยืนยันด้วยว่าจะมีการขุดเจาะหลุมใหม่ 2 หลุมในปีงบประมาณ 2567-2568 โดยมีบริษัท Myanma Oil and Gas Enterprise จะดูแลการขุดเจาะหลุมเหล่านี้ ด้วยความช่วยเหลือทางเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญจาก MPRL E&P Company อย่างไรก็ดี หลุมที่ได้รับการอนุมัติเหล่านี้มีเป้าหมายที่จะเข้าถึงระดับความลึกที่กระทรวงกำหนด และสร้างเหตุการณ์สำคัญใหม่ในประวัติศาสตร์การผลิตน้ำมัน เนื่องจากความพยายามก่อนหน้านี้ต้องดิ้นรนในการผลิตน้ำมันจากทรายที่มีไฮโดรคาร์บอนซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ดิน นอกเหนือจากความพยายามในการวิจัยและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มการผลิตในแหล่งน้ำมันที่สมบูรณ์แล้ว เจ้าหน้าที่ยังมุ่งเน้นไปที่การประสานงานและการแบ่งปันความรู้อีกด้วย รวมทั้งกระทรวงพลังงานกำลังดำเนินมาตรการเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และการขุดเจาะบ่อน้ำลึกในแหล่งน้ำมันเก่า ตลอดจนการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของยุทธศาสตร์

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/moe-advances-deep-well-drilling-to-boost-oil-production/

รมว.พาณิชย์เมียนมา ร่วมประชุมประสานงานส่งเสริมการส่งออก

วานนี้ ที่สำนักงานเขตย่างกุ้ง ได้มีการประชุมประสานงานส่งเสริมการส่งออก โดยมี U Tun Ohn รัฐมนตรีสหภาพพาณิชย์ เจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาคจากกระทรวงการค้าและกรมกิจการผู้บริโภค เลขานุการคณะกรรมการทำงานด้านการกำกัลดูแลการไหลเวียนของการค้าและสินค้า และเจ้าหน้าที่จากการท่าเรือเมียนมา , สหพันธ์ข้าวเมียนมา และสมาคมพ่อค้าถั่ว ถั่ว ข้าวโพด และเมล็ดงาเมียนมา ในระหว่างการประชุม รัฐมนตรีสหภาพได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศและส่งเสริมการส่งออก ซึ่งเป้าหมายสำหรับปีงบประมาณ 2567-2568 ได้มีการตั้งไว้แล้ว รวมถึงเป้าหมายการส่งออกข้าว ถั่ว ข้าวโพด และยางพาราในแต่ละเดือน รวมทั้งรัฐมนตรีสหภาพยังย้ำถึงความสำคัญของความพยายามร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการส่งออกเหล่านี้ นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบทุกคนดูแลห่วงโซ่อุปทานสำหรับการส่งออกข้าวที่ราบรื่น ตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงการจำหน่าย เพื่อขยายส่วนแบ่งการตลาดภายนอก ลำดับความสำคัญอื่นๆ ที่ระบุไว้ ได้แก่ การส่งออกถั่วและข้าวโพดที่เพิ่มขึ้น การรักษาเสถียรภาพของตลาดพืชผลในประเทศ การส่งเสริมการส่งออกเสื้อผ้า CMP ปลา กุ้ง และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำอื่นๆ การให้ความสำคัญกับเรือส่งออกข้าวเพื่อจอดเทียบท่าที่ท่าเรือ และการจัดการกับข้อกำหนดด้านโลจิสติกส์ เช่น เป็นตู้คอนเทนเนอร์และรถบรรทุกเพื่อรองรับความต้องการของท่าเรือ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/union-commerce-minister-attends-export-promotion-coord-meeting/

บริษัท Vinci ได้รับสัญญาปรับปรุงและออกแบบโรงบำบัดน้ำของกัมพูชา

โครงการดังกล่าวดำเนินการโดยฝ่ายก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ (CGR) นำโดยบริษัท Vinci เพื่อขยายการให้บริการประปาแก่พื้นที่ต่างๆ ทางตอนเหนือของกรุงพนมเปญ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ประชาชนประมาณ 750,000 คน มีน้ำสะอาดสำหรับดื่มกิน โดยนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทรัฐบาลกัมพูชาในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วยการเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดทั่วประเทศภายในปี 2030 สำหรับโครงการส่วนต่อขยายนี้คาดว่าจะใช้เวลาในการปรับปรุงจนถึงปี 2028 ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยขอบเขตงานของ บริษัท Vinci ครอบคลุมถึงการสร้างระบบรับน้ำดิบแห่งใหม่จากแม่น้ำโขงใกล้เคียง รวมถึงระบบท่อส่งน้ำใหม่ที่สามารถกรองน้ำได้ 195,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งการก่อสร้างบริษัทจะว่าจ้างแรงงานกว่าสูงถึง 1,600 คน โดยส่วนใหญ่เป็นคนกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501499156/vincis-sustainable-initiatives-and-technology-to-be-used-in-e94-million-water-plant-extension-project-in-cambodia/

กัมพูชาดึงจีนลงทุนในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

Nuth Un Vanra รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (GIC) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการกัมพูชา (CDC) ได้กล่าวถึงโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในระหว่างการสัมมนา ซึ่งจัดโดยสมาคมมิตรภาพกัมพูชา-จีน (CCFA) โดยมีนักลงทุนจีนเกือบ 100 คนเข้าร่วม ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในกัมพูชา รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียประมาณกว่า 40 คน สำหรับทางการกัมพูชามีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในการสร้างโรงประกอบรถยนต์และการพัฒนาวงการรถยนต์ในกัมพูชา โดยได้เน้นย้ำถึงบทบาทของ CDC ในการกระตุ้นการลงทุน รวมถึงความพยายามของรัฐบาลกัมพูชาในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุนในประเทศ ซึ่งปัจจุบันกัมพูชาคาดว่าจะมีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสองล้อและสามล้อกว่า 1 ล้านคันในประเทศภายในปี 2030-2040 และรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 100,000 คัน ภายในช่วงปี 2035-2042 ตามแผนแม่บทยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเผยแพร่โดยกระทรวงโยธาธิการและคมนาคม (MPWT) เมื่อเร็วๆ นี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501498921/cambodia-seeks-chinese-investment-in-ev-sector/

ไทย และ สปป.ลาว ยืนยันความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น

รัฐบาลไทย และ สปป.ลาว จัดการเจรจาระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ สปป.ลาว กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย โดยย้ำความปรารถนาที่จะกระชับความสัมพันธ์ภายใต้ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนการเชื่อมต่อด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง ความร่วมมือด้านการพัฒนาและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ในการเจรจายังได้หารือเกี่ยวกับการก่อสร้างสะพานมิตรภาพลาว-ไทย แห่งที่ 6 ข้ามแม่น้ำโขงระหว่างแชวงสาละวัน สปป.ลาว กับจังหวัดอุบลราชธานี ในประเทศไทย ตลอดจนการสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขง

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_104_Lao_Thai_y24.php