นโยบายด้านการลงทุนฉบับใหม่ของกัมพูชา หนุนระดับการลงทุนใหม่ภายในประเทศ

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต กล่าวว่า นโยบายการลงทุนฉบับใหม่ของรัฐบาลกัมพูชาคือการรักษาการลงทุนที่มีอยู่ ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการลงทุนใหม่ด้วย โดยได้กล่าวไว้ในแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ (28 เม.ย.) ระหว่างการประชุมกับคณะผู้แทนเศรษฐกิจนอกระบบมากกว่า 5,000 คน ณ OCIC กรุงพนมเปญ ซึ่งในอดีต กัมพูชามีแนวทางในการผลักดันภาคเอกชน องค์กร และโรงงานในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะภาคการธนาคาร การท่องเที่ยว และการเกษตร แต่ด้วยการมีนักลงทุนรายใหม่เข้ามาลงทุนยังกัมพูชาเพิ่มขึ้น ทางการจึงต้องพิจารณาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการลงทุน เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้อุตสาหกรรมในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501479676/cambodias-investment-policy-preserves-existing-investments-while-fostering-new-ones-peace-and-stability-are-crucial-pm-says/

การส่งออกของกัมพูชาไปยังญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นถึง 18.4%

การส่งออกของกัมพูชาไปยังญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 มีมูลค่ารวมถึง 365 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการส่งออกที่เพิ่มขึ้นยังทำให้มั่นใจได้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นจุดหมายปลายทางด้านการส่งออกของกัมพูชาที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของกัมพูชาในอนาคต ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 5.8 ของปริมาณการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชา สำหรับปัจจุบันญี่ปุ่นถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 5 ของกัมพูชา โดยมีมมูลค่าการค้าทวิภาคีสูงถึง 507 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลทำให้กัมพูชาคงเกินดุลการค้ากับญี่ปุ่นราว 223 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาดังกล่าว สำหรับสินค้าส่งออกหลักของกัมพูชาไปยังญี่ปุ่น ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องสำอาง กระดาษและอุปกรณ์สำนักงาน และเครื่องหนัง ด้านสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องจักร รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ผ้า และพลาสติก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501479402/cambodias-exports-to-japan-rise-18-4/

กษัตริย์บรูไน-รัฐบาลไทย หารือความร่วมมือหลายด้าน พร้อมลงนาม MOU 2 ฉบับ

วันที่ 29 เมษายน 2567 สมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม และรัฐบาลไทย ออกถ้อยแถลงร่วม พร้อมทั้งลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่  (1) บันทึกความเข้าใจระหว่างกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการของไทยและสำนักงานการลงทุนบรูไนฯ (2) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรพื้นฐานและการท่องเที่ยวแห่งบรูไนดารุสซาลาม ทั้งนี้ การเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม มีวาระระหว่างวันที่ 28-29 เมษายน 2567

ที่มา : https://www.prachachat.net/world-news/news-1552771

‘เวียดนาม’ เผยดัชนี CPI ปรับขึ้น 4.4% เหตุราคาน้ำมันพุ่ง

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือน เม.ย.67 เพิ่มขึ้น 0.07% และเพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องมาจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในประเทศที่เพิ่มขึ้น 4.78% และราคาน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.01% ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งและบริการ เพิ่มขึ้น 1.95% โดยเฉพาะค่าขนส่งทางอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก 10.42% มาจากความต้องการเดินทางแออัดในช่วงวันหยุดยาว 5 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. ในขณะเดียวกัน ราคายาและค่าใช้จ่ายบริการทางการแพทย์ เพิ่มขึ้น 0.92% เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้มีผู้ป่วยมากขึ้น ทั้งจากการติดเชื้อโรคปอดบวม อีสุกอีใสและโรคมือเท้าปากเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนต้องซื้อยา เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 0.17% จากเดือนก่อน และ 2.79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/cpi-in-april-rises-44-year-on-year-on-petroleum-price-hike-post1092103.vov

‘เวียดนาม’ ส่งออก เม.ย. พุ่ง 10.6% ด้านผลผลิตอุตสาหกรรม ขยายตัว 6.3%

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าการส่งออกของเวียดนามในเดือน เม.ย. จะขยายตัวได้ประมาณ 10.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มูลค่า 30.94 พันล้านเหรียญสหรัฐ ได้แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่การนำเข้าคาดว่าจะขยายตัว 19.9% มูลค่า 30.26 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้าราว 680 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตัวชี้วัดทางด้านเศรษฐกิจเวียดนาม พบว่าผลผลิตอุตสาหกรรม ขยายตัว 6.3% ต่อปี ตามมาด้วยดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 4.4% จากปีก่อน และยอดค้าปลีก เพิ่มขึ้น 9.0% ต่อปี

นอกจากนี้ เวียดนามตั้งเป้าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สำหรับปี 2567 จะขยายตัว 6.5% ถือว่าขยายตัวดีกว่าปี 2566 ที่ขยายตัว 5.05%

ที่มา : https://www.channelnewsasia.com/business/vietnam-april-exports-106-y-y-industrial-output-63-4299461

ญี่ปุ่นสนับสนุงบปรับปรุงถนน-สะพานเส้นทางหมายเลข 13, 11 และ R2 ใน สปป.ลาว

รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่ สปป.ลาว ในการซื้ออุปกรณ์และยานพาหนะมูลค่า 1,500 ล้านเยนญี่ปุ่น หรือประมาณ 9.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซ่อมแซมถนนและสะพานในพื้นที่ยุทธศาสตร์ เงินช่วยเหลือนี้จะนำไปใช้ในการปรับปรุงถนนและสะพานในเส้นทางหมายเลข 13, 11 และ R2 ทางตอนเหนือของลาวและถนนอื่นๆ ที่เป็นเส้นทางเชื่อมโยงที่สำคัญไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว ได้กล่าวระหว่างพิธีลงนามฯ ว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมีความสำคัญต่อความก้าวหน้าทางสังคมและเศรษฐกิจของทุกประเทศ รัฐบาล สปป.ลาว ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะถนน เนื่องจากเป็นเส้นทางคมนาคมหลักของประเทศในกรณีที่ไม่มีท่าเรือทางทะเล ซึ่งจะส่งเสริมการขนส่ง การค้า และการท่องเที่ยวระหว่างประเทศอย่างมาก ตลอดจนกระตุ้นการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของลาว ทำให้ชาวลาวสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิต

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_80_Japan_y24.php

รัฐบาล สปป.ลาว ออกมาตรการเข้มแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและปัญหาเศรษฐกิจ

รัฐบาล สปป.ลาว ได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการคุมเข้าการเพาะปลูก ไม่ให้เผาเศษซากพืชในที่ที่โล่งแจ้ง ซึ่งทำให้เกิดหมอกควันในปัจจุบัน ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่หน่วยงานส่วนกลางและท้องถิ่นจะต้องทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหานี้ โดยสั่งการให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องยกระดับการป้องกันภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชาชนที่เกิดจาก PM2.5 เนื่องจากตัวชี้วัดคุณภาพอากาศบ่งชี้ว่าระดับฝุ่นละอองที่เป็นอันตรายอยู่ในระดับสูงมากถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากมีความหนาแน่นของอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากในอากาศ ซึ่งสามารถเข้าสู่ส่วนลึกของปอด ทำให้เกิดหรือทำให้โรคทางเดินหายใจรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติให้เร่งดำเนินการเพื่อเพิ่มการเก็บรายได้สูงสุด และปรับปรุงระบบจัดเก็บรายได้ให้ทันสมัย ​​อุดช่องโหว่ที่ทำให้สูญเสียรายได้ พร้อมยึดนโยบายเข้มงวด รวมถึงการใช้เงินตราต่างประเทศอย่างประหยัด

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_80_Cabinet_y24.php

เมียนมาคาดว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำในปีนี้จะมีมูลค่ามากกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากข้อมูลของกรมประมง คาดว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำไปยังต่างประเทศจะเกิน 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณปัจจุบัน สำหรับในปีงบประมาณที่แล้ว มีการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำมากกว่า 520,000 ตัน สร้างรายได้จากต่างประเทศเกือบ 730 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำจากเมียนมา ส่งออกไปยังต่างประเทศผ่านช่องทางการค้าทางทะเลและการค้าชายแดน แม้ว่าขณะนี้การส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำยังดำเนินการไปได้ดีแต่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เท่าสถานการณ์ก่อนโควิด ทั้งนี้ จากข้อมูลของผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงปลาและกุ้ง เมียนมามีฟาร์มเลี้ยงปลาและกุ้ง 480,000 แห่ง พร้อมด้วยห้องเย็นกว่า 120 แห่ง รวมทั้งเมียนมามีการส่งออกปลามากกว่า 20 ชนิด ไปยังประเทศต่างๆ เช่น จีน ไทย และประเทศเพื่อนบ้านเป็นประจำผ่านการค้าชายแดน ตลอดจนประเทศญี่ปุ่นและประเทศในยุโรป

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-expects-over-us-800-million-in-aquatic-product-exports-this-year/