นายกฯ กัมพูชา เน้นย้ำ Human Capital คือหัวใจสำคัญของวิสัยทัศน์กัมพูชา 2050

นายกรัฐมนตรี Hun Manet แถลงเมื่อวันอังคารว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์มาโดยตลอด โดยตระหนักว่าเป็นทรัพย์สินที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการและเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการบรรลุวิสัยทัศน์ระยะยาวของประเทศในปี 2050 ซึ่งได้กล่าวในพิธีเปิดโรงเรียนแห่งใหม่ที่เมือง Oudong Mechey จังหวัด Kampong Speu ว่า การขยายและเสริมสร้าง Human Capital โดยเฉพาะในระดับจังหวัด เป็นสิ่งที่จำเป็นและเร่งด่วน เพื่อตอบสนองความต้องการในอนาคตและสอดรับกับแนวโน้มระดับภูมิภาคและระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเน้นย้ำว่า Human Capital เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่ม ดึงดูดการลงทุน และส่งเสริมนวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขันของกัมพูชา โดยอนาคตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาต้องสร้างขึ้นบนรากฐานของ Human Capital ที่แข็งแกร่งและหลากหลาย ไม่ใช่แค่บุคคลไม่กี่คน แต่เป็นแรงงานที่มีทักษะจำนวนมากในทุกภาคส่วน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501714044/pm-says-human-capital-key-to-cambodias-vision-2050/

ผู้บริโภคชาวกัมพูชากำลังปรับตัวครั้งใหญ่ หลังผลิตภัณฑ์ไทยขาดตลาด

ผู้บริโภคชาวกัมพูชากำลังปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด เนื่องจากสินค้าไทยกำลังหมดไปจากชั้นวางอย่างรวดเร็ว และถูกแทนที่ด้วยแบรนด์ใหม่จากประเทศอื่น ๆ สินค้าไทยเคยมีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้บริโภคชาวกัมพูชา จนกระทั่งความตึงเครียดบริเวณชายแดนปะทุขึ้น นำไปสู่การห้ามนำเข้าสินค้าทางบกจากประเทศไทย ทำให้เกิดการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน แม้ว่าสินค้าไทยจำนวนมากจะยังคงพบเห็นได้ในตลาดค้าปลีก แต่ผู้บริโภคชาวกัมพูชาก็กำลังเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่พวกเขาจะต้องเปลี่ยนแบรนด์โปรดไปใช้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นหรือจากประเทศอื่นๆ ด้านผู้ส่งออกสินค้าไทย กล่าวว่า ไม่มีการห้ามนำเข้าสินค้าไทยอย่างสมบูรณ์ แต่เป็นผลมาจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ผู้บริหารของบริษัทเภสัชกรรมและเครื่องสำอางไทยยังได้กล่าวเสริมว่าการนำเข้าทางบกหยุดลงทั้งหมด ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าทางเรือ ซึ่งเกิดความล่าช้า ขณะที่ตัวแทนซูเปอร์มาร์เก็ตระบุว่า แบรนด์จากเวียดนาม มาเลเซีย และออสเตรเลียกำลังพยายามเข้ามาแทนที่ช่องว่างที่สินค้าไทยทิ้งไว้ และคาดว่าผู้บริโภคชาวกัมพูชาจะปรับตัวเข้ากับรสชาติใหม่ในไม่ช้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501714033/consumers-adapting-to-new-tastes-as-thai-products-go-off-the-shelves/

‘เวียดนาม – อินโดนีเซีย’ เร่งเจรจาการค้าข้าว

นายฝั่ม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และนายปราโบโว สุเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ตกลงที่จะเร่งเจรจาข้อตกลงการค้าข้าว เพื่อความมั่งคงด้านอาหารของอินโดนีเซีย โดยข้อตกลงการค้าฉบับนี้ ได้บรรลุผลในระหว่างการประชุมสุดยอด BRICS จัดขึ้นที่บราซิล ทั้งนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศได้ยืนยันถึงความตั้งใจที่จะเปิดตลาดให้มีการค้าขายของสินค้าทั้งสองประเทศ โดยนายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม ทำงานอย่างใกล้ชิดกับคู่ค้าชาวอินโดนีเซีย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงตลาด และส่งเสริมการค้าทวิภาคี

นอกจากนี้ นายกฯ เสนอให้ทั้งสองประเทศทำงานร่วมกัน เพื่อกำหนดแผนปฏิบัติการในการผลักดันความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้านมาใช้ในช่วงปี 2025–2030 รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น การค้า การลงทุน เกษตรกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล การเปลี่ยนผ่านสีเขียว และพลังงาน

ที่มา : https://en.vneconomy.vn/vietnam-indonesia-agree-to-accelerate-rice-trade-negotiations.htm

‘เวียดนาม’ เผยยอดค้าปลีกและบริการ ครึ่งปีแรก แตะ 129.7 พันล้านดอลลาร์ โต 9.3%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (NSO) เปิดเผยว่ายอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการในช่วงครึ่งปีแรก มีมูลค่าราว 129.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY)

ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกสินค้า มีมูลค่ากว่า 99,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 76.5% ของยอดค้าปลีกรวม เพิ่มขึ้น 7.9%YoY และรายได้จากบริการที่พักและจัดเลี้ยง มีมูลค่า 15,620 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.7%YoY และรายได้จากการท่องเที่ยวและการเดินทาง มีมูลค่า 1,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 23.2%YoY

นอกจากนี้ เมื่อพิจาณาตัวเลขยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการในเดือนมิถุนายน มีมูลค่าอยู่ที่ 21.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเล็กน้อย 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้น 8.3%YoY เป็นผลมาจากความต้องการสินค้าและการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุด โดยเฉพาะวันหยุดตรุษจีน และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเวียดนามเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้ภาคการค้าและบริการเติบโต

ที่มา : https://en.vneconomy.vn/retail-sales-of-goods-and-services-reach-129-7-bln-in-h1-increasing-9-3.htm

‘เวียดนาม’ เผยดัชนี CPI ช่วง 6 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 3.27%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (NSO) เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 3.27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุที่ทำให้ดัชนี CPI ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน และค่าบริการด้านสุขภาพ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาสาขารายการของดัชนี CPI พบว่าราคาอาหารและบริการจัดเลี้ยง เพิ่มขึ้นอย่างมาก 3.69% โดยเฉพาะราคาเนื้อหมูที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 12.75% เนื่องจากผลผลิตมีจำกัด ในขณะที่ค่าที่อยู่อาศัย ไฟฟ้า น้ำ เชื้อเพลิง และวัสดุก่อสร้าง พุ่งขึ้น 5.73% โดยค่าไฟฟ้าในครัวเรือนที่สูงขึ้นและต้นทุนวัสดุก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 1.08% โดยเฉพาะค่าบริการด้านสุขภาพและเวชภัณฑ์ พุ่งขึ้น 13.87% นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://en.vneconomy.vn/vietnams-cpi-in-six-months-up-3-27.htm

‘เวียดนาม’ เผยผลผลิตอุตสาหกรรม Q3/68 แนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (NSO) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจ พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 43.5% มองว่าผลการดำเนินงาน มีแนวโน้มเหมือนเดิม ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 ตามมาด้วย 37.3% มองว่าผลประกอบการจะดีขึ้น และ 19.2% มองว่ายังคงมีปัญหาต่างๆ จะยังคงเกิดขึ้น ในขณะที่วิสาหกิจ FDI ยังคงมีมุมมองเชิงบวก โดยผู้ประกอบการ 81% คาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานจะเหมือนเดิมหรือดีขึ้น

ทั้งนี้ ยังได้มีการสำรวจสถานประกอบการที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 41.8% คาดว่าการผลิตและการดำเนินงานจะมีเสถียรภาพในไตรมาสที่ 3 ในขณะที่ 33.7% คาดว่าจะมีการปรับปรุง นอกจากนี้ ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม (IIP) ในไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะขยายตัว 10.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเวียดนามในเดือนมิถุนายน อยู่ที่ระดับ 48.9 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ 50 เป็นเดือนที่สามติดต่อกัน เริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/production-projected-to-rebound-in-q3-post322244.vnp

ต้นทุนเฉลี่ยของสินค้ากลุ่มอาหารพื้นฐานลดลง 5.1% ในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.

จากรายงาน Quarterly Market Monitoring Update for Cambodia ของ World Food Programme (WFP) ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (3 ก.ค.) ถึงต้นทุนเฉลี่ยของ Basic Food Basket (BFB) ลดลงร้อยละ 5.1 ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม โดย WFP ใช้ BFB เพื่อติดตามภาวะเงินเฟ้อด้านอาหารในประเทศที่องค์กรดำเนินการอยู่ ซึ่งแสดงถึงรายการอาหารที่บริโภคกันทั่วไปในพื้นที่เฉพาะ และมีการติดตามต้นทุนเพื่อทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงราคาและผลกระทบต่อการเข้าถึงอาหารของผู้คน การลดลงของต้นทุนเฉลี่ย BFB ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของราคาอาหารบางรายการ โดยเฉพาะข้าวผสม ซึ่งชดเชยการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันพืชและเนื้อหมูติดมัน ในช่วงไตรมาสนี้ ตลาดในเมืองมีการลดลงที่สูงกว่าตลาดในชนบทเล็กน้อย แต่ความแตกต่างโดยรวมยังคงไม่มากนัก ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม 2025 ต้นทุนเฉลี่ยของ BFB อยู่ที่ประมาณ 105,000 เรียลต่อคนต่อเดือน หรือเทียบเท่ากับ 25.6 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแสดงถึงการลดลงร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501712791/average-cost-of-basic-food-basket-down-5-1-in-march-may-period/

การจราจรทางอากาศของกัมพูชาพุ่งสูงขึ้นในครึ่งแรกของปี 2025

ภาคการขนส่งทางอากาศของกัมพูชากำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 16 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 แตะที่ประมาณ 3.42 ล้านคน ซึ่งเป็นรายงานของสำนักเลขาธิการการบินพลเรือน (SSCA) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (6 ก.ค.) รายงาน Mid-Year Economic Assessment ของ SSCA เน้นย้ำถึงการเติบโตของภาคการบิน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจากประเทศจีนและความต้องการในภูมิภาค บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของความต้องการเดินทางทางอากาศที่ดี ทั้งจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศและในประเทศ ต่างมีส่วนสนับสนุนแนวโน้มเชิงบวกนี้ แม้จะมีแนวโน้มที่ดี แต่ภาคส่วนนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญหลายประการ เช่น ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานของสนามบิน ซึ่งรวมถึงการก่อสร้าง Techo Airport ให้แล้วเสร็จ การขยาย Sihanoukville และ Siem Reap Angkor International Airport ความผันผวนของราคาน้ำมันทั่วโลก ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนทางภูมิภาค/ภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความตึงเครียดบริเวณชายแดน

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/501712785/air-passenger-traffic-jumps-to-3-42-million-in-h1/

สวนทุเรียน 112 แห่ง ของกัมพูชาได้รับอนุญาตให้ส่งออกทุเรียนสดไปยังจีน

กัมพูชาได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก General Administration of Customs of China (GACC) ให้ส่งออกทุเรียนสดไปยังตลาดจีนได้โดยตรง หลังจากมีการลงนามในพิธีสารเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นหลังจาก GACC ได้ประเมินและอนุมัติการขึ้นทะเบียนฟาร์มทุเรียน 112 แห่ง และโรงบรรจุ 30 แห่ง ที่เป็นไปตามมาตรฐาน Good Agricultural Practices (GAP) ข้อกำหนดด้านสุขอนามัยพืช และมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารของจีน ด้านกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง (MAFF) ได้เร่งรัดให้เจ้าของฟาร์มและโรงบรรจุที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดปฏิบัติตามข้อกำหนดของพิธีสารอย่างเคร่งครัด รวมถึงการปลอดจากสารอันตราย ยาฆ่าแมลง และสารเคมีต้องห้าม นอกจากนี้ กระทรวงยังเรียกร้องให้ฟาร์มและโรงบรรจุอื่นๆ ที่ต้องการส่งออกทุเรียนยื่นขอขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรเพื่อประเมินผลโดยเร็ว

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/501712773/112-cambodian-farms-get-green-light-to-export-fresh-durian-to-china/

กัมพูชาและสหรัฐฯ ใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าใหม่

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (4 ก.ค.) กัมพูชาและสหรัฐอเมริกาได้มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนในการจัดทำกรอบการค้าใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจทวิภาคี ณ Council for the Development of Cambodia (CDC) โดยมี Sun Chanthol รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการหารือกับ Sarah Ellerman ผู้ช่วยผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก โดยทั้งสองฝ่ายได้ทบทวนและบรรลุข้อตกลงในร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงว่าด้วยการค้าต่างตอบแทนระหว่างสหรัฐฯ-กัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะเผยแพร่ต่อสาธารณะในเร็วๆ นี้ ซึ่งข้อตกลงที่จะเกิดขึ้น คาดว่าจะช่วยเปิดทางให้มีการเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น เพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศ และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่มากขึ้นสำหรับทั้งสองประเทศ

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/501712797/cambodia-and-us-inch-closer-to-new-trade-framework/