ธนาคารกลางเมียนมาขายเงินสกุลดอลลาร์ได้กว่า 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน 15 วัน

ธนาคารกลางเมียนมา (CBM) มีการขายเงินสกุลดอลลาร์ได้เกือบ 44 ล้านดอลลาร์ภายใน 15 วัน โดยแบ่งเป็น 12.93 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 1 มกราคม 16 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 5 มกราคม และ 15 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 มกราคม นอกจากนี้ ธนาคารกลางเมียนมา ยังอัดฉีดเงิน 22.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าสู่กลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิงในปีที่แล้ว ทั้งนี้ ในวันที่ 18 ธันวาคม ขายได้ 9.72 ล้านดอลลาร์ และในวันที่ 21 ธันวาคม 12.43 ล้านดอลลาร์ สำหรับบริษัทนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งธนาคารกลางเมียนมาไม่ได้เปิดเผยอัตราแลกเปลี่ยนในการขายดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางเมียนมามีการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงอยู่ที่ 2,100 จ๊าดต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดที่ไม่เป็นทางการ อยู่ที่ 3,450 จ๊าดต่อดอลลาร์

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/cbm-sells-almost-us44-million-in-15-days/#article-title

มัณฑะเลย์ไฟเขียวลงทุน 2 สัญชาติ สร้างงาน 319 ตำแหน่ง

ดร. มิน ซอ อู ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนและการบริหารบริษัทประจำภูมิภาคมัณฑะเลย์ ประกาศว่าการลงทุนของพลเมืองเมียนมา 2 รายการ ซึ่งสามารถสร้างโอกาสในการทำงานได้ 319 ตำแหน่ง ได้รับการอนุมัติในเดือนมกราคม 2567 จำนวนเงินทุนสำหรับการลงทุนใหม่อยู่ที่ 4,368.411 ล้านจ๊าด ตามที่ระบุในรายงาน อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวเน้นย้ำว่าในปี 2566 ในภูมิภาคมัณฑะเลย์ คณะกรรมการการลงทุนของเมียนมาร์ได้อนุญาตธุรกิจรวม 14 แห่ง และ 10 แห่งได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการการลงทุนแห่งภูมิภาคมัณฑะเลย์ นอกจากนี้ คณะกรรมการการลงทุนภูมิภาคมัณฑะเลย์ยังมีการออกใบอนุญาตสำหรับการลงทุนระดับชาติใหม่ของเมียนมาและการลงทุนจากต่างประเทศทุกเดือน ซึ่งจะสร้างโอกาสการจ้างงานมากขึ้นในภูมิภาคมัณฑะเลย์ ภายใต้กฎหมาย กฎเกณฑ์ และข้อบังคับ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/mandalay-region-greenlights-2-citizen-owned-investments-generating-319-jobs/

Huawei แนะสถาบันการเงิน สปป.ลาว ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์

ในงาน Lao Digital Week 2024 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่จัดโดยกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร สปป.ลาว ได้แบ่งปันความรู้ที่สำคัญในการปกป้องข้อมูลของอุตสาหกรรมการเงินจากภัยคุกคามแรนซัมแวร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Alex Wu ผู้อำนวยการฝ่ายโซลูชันอุตสาหกรรมบริการทางการเงินของ Huawei South East Asia Multi Countries ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของความปลอดภัยในข้อมูล ทั้งนี้  Alex Wu เรียกร้องให้สถาบันการเงินของ สปป.ลาว ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของตนอย่างต่อเนื่องในแง่มุมต่างๆ รวมถึงการสำรองข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา และความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยเน้นไปที่การป้องกันแรนซัมแวร์ และเน้นย้ำถึงการโจมตีของแรนซัมแวร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลผลกระทบอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย สร้างความเสียหายต่อสถาบันการเงิน ตั้งแต่ธนาคารกลางไปจนถึงธนาคารรายย่อยและผู้ใช้บริการ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_11_Huawei_y24.php

หลวงพระบางคาดมีนักท่องเที่ยว 1.7 ล้านคน ในช่วง Visit Laos Year 2024

เจ้าหน้าที่หลวงพระบางคาดว่าจะมีผู้เยือนเมืองหลวงพระบางมากกว่า 1.7 ล้านคน ในช่วงที่มีแคมเปญ Visit Laos Year 2024 และคาดว่าจะมีเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวอย่างน้อย 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปีนี้เป็นปีที่หลวงพระบาง ขึ้นทะเบียนมรดกโลกกับ UNESCO ครบรอบ 28 ปี โดยพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ถือว่าควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ซึ่งคุณค่าทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ทั้งนี้ นายบุญเหลือ มานิวงศ์ รองเจ้าแขวงหลวงพระบาง กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ทางการแขวงได้เตรียมโปรแกรมกิจกรรมเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมตลอดปีนี้ รวมถึงเทศกาลเรือไฟและวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และเป็นสัปดาห์ที่มีการมีส่วนร่วมของจังหวัดทางตะวันตกเฉียงเหนือและนครโฮจิมินห์ของเวียดนาม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_11_Luang_y24.php

สินเชื่อคงค้างของภาคการเงินรายย่อยกัมพูชาแตะ 5.13 พันล้านดอลลาร์ สำหรับ Q3/2023

ข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่โดยสมาคมไมโครไฟแนนซ์กัมพูชา (CMA) ระบุว่า ยอดสินเชื่อคงค้างในภาคการเงินรายย่อยกัมพูชาอยู่ที่ 5.13 พันล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วงสิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 โดยมีจำนวนผู้กู้ยืมสูงถึง 1.60 ล้านคน โดยร้อยละ 55 เป็นผู้หญิง ซึ่งยอดเงินฝากของสถาบันการเงินรายย่อยทุกแห่งในประเทศอยู่ที่ประมาณ 2.24 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ CMA สำหรับภาคการเงินรายย่อยของกัมพูชามีการเติบโตมากกว่าร้อยละ 20 ทั้งในแง่ของสินเชื่อและเงินฝากภายในสิ้นปี 2022 โดยพอร์ตสินเชื่อเติบโตขึ้นเป็น 9.135 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.8 ซึ่งมีบัญชีลูกค้ามากกว่า 2 ล้านบัญชี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501422993/mfi-outstanding-loans-stood-at-5-13-billion-in-2023-q3/

กัมพูชาส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ RCEP ขยายตัว 28% ในปี 2023

การส่งออกของกัมพูชาไปยังกลุ่มประเทศความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2023 ซึ่งบ่งชี้ถึงการเติบโตสำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ของกัมพูชา ส่งตรงไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าว โดยคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชามูลค่า 8.17 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มูลค่า 6.34 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นร้อยละ 34.62 ของการส่งออกกัมพูชาในปี 2023 ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) อย่างไรก็ตาม หากคิดเป็นมูลค่าการค้าระหว่างกลุ่มประเทศกลับลดลงร้อยละ 5.07 เหลือมูลค่า 29.45 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งกัมพูชาคาดว่าจะเห็นการเติบโตของการส่งออกระหว่างประเทศร้อยละ 9.4 ถึงร้อยละ 18 ตามข้อตกลง RCEP ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาระหว่างร้อยละ 2 ถึงร้อยละ 3.8 กล่าวโดยกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา (MoC)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501423017/cambodias-exports-to-rcep-nations-up-28-percent-in-2023/

‘เวียดนาม’ ดึงดูดลงทุน FDI ขยาย 39,100 โครงการ เงินทุนจดทะเบียนรวม 469 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักงานการลงทุน กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) รายงานว่าในปี 2566 เวียดนามดึงดูดโครงการการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จำนวน 39,100 โครงการ คิดเป็นเงินทุนจดทะเบียนรวมมากกว่า 468.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ นครโฮจิมินห์เป็นเมืองที่มีการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด มีโครงการ 12,398 โครงการ ทุนจดทะเบียน 57.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 31.67% ของจำนวนโครงการทั้งหมด รองลงมาฮานอยและบิ่ญเซือง

อีกทั้ง นาย Tran Quoc Phuong รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุน กล่าวในที่ประชุมว่าบทบาทของเวียดนามต่อกระแสการลงทุน FDI ทั่วโลกนั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เวียดนามยังได้ส่งเสริมนวัตกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล การเติบโตสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน และภาคเศรษฐกิจใหม่ เช่น การผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ การเกษตรที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง และเหมืองแร่ การฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์ เพื่อคว้าโอกาสจากประเทศต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-attracts-over-39100-fdi-projects-with-registered-capital-of-nearly-469-billion-usd-so-far/276246.vnp

‘เวียดนาม’ คาดหวังปีนี้ ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 17-18 ล้านคน

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเวียดนาม ได้ตั้งเป้าหมายที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 17-18 ล้านคนภายในปี 2567 ซึ่งอยู่ในระดับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในปี 2562 โดยจากข้อมูลสถิติปี 2566 พบว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 12.6 ล้านคน เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 57% และบรรลุเป้าหมายที่ 12-13 ล้านคน ในขณะที่นักท่องเที่ยวในประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 108 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ และกิจกรรมการท่องเที่ยวทำรายได้ราว 678 ล้านล้านดอง (27.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ทั้งนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) เปิดเผยว่าการท่องเที่ยวในประเทศจะกลับมาฟื้นตัว แต่ยังคงเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายในปีหน้า โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความขัดแย้งในระดับภูมิภาค และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-hopes-to-welcome-17-18-million-tourist-arrivals-this-year-2239529.html

การส่งออกของเมียนมาเกิน 234 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ท่ามกลางความต้องการผลไม้ที่สูงในช่วงตรุษจีน

ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยกระทรวงพาณิชย์ เมียนมามีรายได้มากกว่า 234 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมถึง 5 มกราคมของปีงบประมาณ 2566-2567 เนื่องจากความต้องการผลไม้ของจีนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ดังกล่าวเมื่อใกล้ถึงเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้ รายงานระบุว่าประเทศเมียนมาส่งออกผลิตผลทางการเกษตรสำคัญ เช่น ข้าวโพด ถั่วลันเตา ถั่วลูกไก่ ถั่วเนย ถั่วลิสง งา หัวหอม ขิงแห้ง ขมิ้น แตงโม อะโวคาโด ส้ม กล้วยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และกล้วย รวมถึงในช่วงสัปดาห์นี้ ยังมีการส่งออกแตงโม แตงไทย (แตงกวา) และกล้วยจำนวน 35,000 ตันไปยังประเทศจีนผ่านทางด่านการค้าชายแดนเมืองเชียงตุง เมืองลเวเจ และกัมปะติ นอกจากนี้ ส้ม อะโวคาโด และกล้วยยังถูกส่งออกไปยังประเทศไทยผ่านทางด่านการค้าชายแดนท่าขี้เหล็ก และมอต่องอีกด้วย ตามรายงานดังกล่าว คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกผลไม้ อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ใกล้เข้ามา เมียนมาจะได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับการส่งออกข้าวโพดไปยังประเทศไทย ซึ่งคาดว่าการขนส่งข้าวโพดจะเพิ่มขึ้น โดยทั่วไปเมียนมาส่งออกเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดมากถึง 2.6 ล้านตัน ดังนั้นผู้ค้าข้าวโพดจึงร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายตลาดส่งออกข้าวโพด รวมถึงประเทศไทย (ผู้ซื้อข้าวโพดเมียนมารรายใหญ่) และประเทศอื่น ๆ ที่มีตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ฟิลิปปินส์ จีน สิงคโปร์ และเวียดนาม

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-exports-exceed-us234m-in-early-january-amid-high-fruit-demand-for-chinese-new-year/

MoALI รายงานการนำเข้ารถยนต์มากกว่า 6,900 คันใน 8 เดือน

กรมธุรกิจการเกษตรและการค้า ภายใต้ กระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และการชลประทาน รายงานว่า เมียนมาร์นำเข้ายานพาหนะมากกว่า 6,900 คัน รวมถึงรถยนต์ส่วนบุคคล 1,700 คัน ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาในปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ทั้งนี้ รายงานของกระทรวงฯ เผยให้เห็นตัวเลขการนำเข้ารถยนต์ส่วนบุคคล 1,784 คัน มูลค่า 39.04 ล้านเหรียญสหรัฐ รถบัส 54 คัน มูลค่า 1.04 ล้านเหรียญสหรัฐ รถบรรทุก 865 คัน มูลค่า 13.12 ล้านเหรียญสหรัฐ และเครื่องจักร 4,203 เครื่อง มูลค่า 136.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึง 1 ธันวาคม รวมทั้งมีการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์คิดเป็นมูลค่าประมาณ 45.02 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจากตัวเลขโดยรวมแสดงให้เห็นถึงการนำเข้ายานพาหนะและรถยนต์เพิ่มขึ้น 235.02 ล้านดอลลาร์ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในปีงบประมาณนี้ มีปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้น 4,700 คัน และมีมูลค่านำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มขึ้น 107.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/moali-reports-import-of-over-6900-vehicles-in-8-months/#article-title