ค่าแรงขั้นต่ำไม่เหมาะสมทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงานในสปป.ลาว

สหพันธ์แรงงานลาว (LFTU) เรียกร้องให้ภาคธุรกิจต่างๆ รวมถึงโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า จ่ายค่าแรงขั้นต่ำให้คนงานเพิ่มขึ้นจาก 1,100,000 กีบเป็น 1,500,000 กีบต่อเดือนในปีนี้ สหพันธ์ฯ กังวลว่าลาวจะประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ หากบริษัทไม่จ่ายค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้น โดยที่คนจำนวนมากจะแห่ไปทำงานที่ไทย ค่าครองชีพในประเทศลาวสูงขึ้นและค่าแรงขั้นต่ำไม่ตรงกับความต้องการพื้นฐานของคนงาน ในขณะเดียวกัน นายจ้างในประเทศไทยมีความต้องการแรงงานที่มีทักษะเพิ่มขึ้นและเสนอค่าจ้างที่เหมาะสม บริษัทในลาวประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานและขาดข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น กระบวนการจัดหางานอย่างไม่เป็นทางการและการขาดการคุ้มครองการจ้างงาน ในขณะเดียวกัน ยังขาดตัวบ่งชี้ตลาดงานเกี่ยวกับโอกาสในการจ้างงานและการว่างงาน ส่วนใหญ่มีทักษะและสามารถหาเงินได้ในประเทศไทย ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำจะสูงกว่าในลาว สถิติจากกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมระบุว่ามีแรงงานกว่า 246,000 คน เดินทางกลับจากไทยไปยังลาวตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่ เมื่อมีการเลิกจ้างคนจำนวนมาก แต่มีแรงงานมีฝีมือ 150,000 คน เดินทางกลับประเทศไทยในเดือนมกราคมปีนี้

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Low63.php

กัมพูชากำหนดนโยบายพัฒนาภาคเกษตรมุ่งสู่ความทันสมัย

ทางการกัมพูชาได้สรุปการอภิปรายร่างนโยบายการพัฒนาการเกษตรสำหรับปี 2020-2030 ไปเมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) ส่งผลทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเกิดความคาดหวังเป็นอย่างสูง สำหรับนโยบายในการส่งเสริมการพัฒนาภาคการเกษตร ที่คาดว่าจะเป็นส่วนช่วยให้ภาคการเกษตรในประเทศสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างยั่งยืน และครอบคลุม ในด้านของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง กล่าวเสริมว่าร่างนโยบายการพัฒนาการเกษตรเป็นวิสัยทัศน์ระยะยาวในการปรับปรุงภาคการเกษตรในกัมพูชาให้เกิดความทันสมัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเติบโตของภาคการเกษตร ที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิเช่น ให้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการ โดยคำนึงถึงที่ดิน การเกษตร น้ำ ทรัพยากรป่าไม้ การประมง และความมั่นคงด้านอาหารอย่างยั่งยืน ซึ่งในปี 2021 กระทรวงเกษตรระบุว่า กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตร 7.98 ล้านตัน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 63.8 หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 4.96 พันล้านดอลลาร์ จากการส่งออกในปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501049464/agricultural-development-policy-targets-modernisation/

คาดการก่อสร้างท่าเรือในจังหวัดกำปอตของกัมพูชาจะแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย.

โครงการก่อสร้างท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวในกำปอต เมืองชายฝั่งสำคัญแห่งหนึ่งของกัมพูชา ขณะนี้แล้วเสร็จอยู่ที่ร้อยละ 93.41 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2022 รายงานโดยกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง (MPWT) หลังจากได้ร่วมหารือกับทางรัฐมนตรีอาวุโสและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง MPWT ซึ่งท่าเรือท่องเที่ยวกำปอตสร้างขึ้นภายใต้การจัดหาเงินทุนของ ADB มูลค่าโครงการเกือบ 10 ล้านดอลลาร์ ที่ได้เริ่มขึ้นในปี 2018 ซึ่งคาดว่าเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ ท่าเรือท่องเที่ยวกำปอตจะกลายเป็นประตูสำคัญสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยและเวียดนาม และมีส่วนช่วยในการพัฒนาการท่องเที่ยวระดับจังหวัด สร้างโอกาสให้กับผู้คนในท้องที่ เพิ่มรายได้ และปรับปรุงความเป็นอยู่ของผู้คน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501049971/construction-of-kampot-tourism-port-to-complete-in-june/

ข่าวดี สปป.ลาว ไฟเขียว หลัง “จุรินทร์” เจรจา เพิ่มรถหัวลาก-เปิดด่าน 24 ชม.ส่งออกผลไม้ไทยไปจีน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประชุมหารือกับ ดร.คำแพง ไซสมแพง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว เพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้ไทยไปยังจีน โดยในปี 2564 สปป.ลาว เป็นคู่ค้าอันดับ 7 ของไทยในอาเซียน ตัวเลขการค้าระหว่างไทยกับ สปป.ลาว มีมูลค่า 229,572 ล้านบาท +15% และได้ตั้งเป้ามูลค่าการค้าร่วมกัน ในปี 2568 มูลค่า 363,000 ล้านบาท ซึ่ง 93.5% ของตัวเลขการค้าระหว่างกันทั้งหมดเป็นการค้าชายแดน คิดเป็นมูลค่า 214,814 ล้านบาท +13.17 % ซึ่งมูลค้าการค้าที่เพิ่มขึ้นเกิดจากด่านชายแดนไทยกับ สปป.ลาว ได้เปิดการค้าระหว่างกัน ปัจจุบันเปิดแล้ว 12 ด่าน และกำลังดำเนินการในการเปิดด่านเพิ่ม

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/pr-news/news_6972859

เมียนมาปิดถนนเมียวดี-ดอนา-ตอง-จอ กระทบค้าส่งออกชายแดนเมียนมา-ไทย หลายแสนจัต !

ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.2565 การปิดถนนถนนเมียวดี-โดนา-ตอง-จอ ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าสำคัญบริเวณชายแดนเมียนมา-ไทย ส่งผลให้ชาวเมียนมาหลายแสนคนต้องกลายเป็นคนว่างงาน รถบรรทุกขนาดเล็กและขนาดใหญ่กว่า 1,000 คัน รวมทั้งรถยนต์นั่งต้องหยุดทำการวิ่งขณะขนส่งสินค้าเข้าจากไทยผ่านชายแดนเมียวดี ซึ่งการปิดชายแดนทำให้สินค้าเกษตรเกิดความเสียหายหลายแสนรายการในทุกๆ วัน โดยสินค้าเกษตรที่ส่งจากเมียวดีไปยังไทย ได้แก่ พริกสด ถั่วลิสง และหัวหอม ซึ่งจะเน่าเสียหายเพราะเก็บไว้ไม่ได้นาน ในขณะที่การนำเข้าน้ำอัดลมและอาหารลดลงเมื่อสองเดือนก่อน อีกทั้งจากข้อจำกัดในการนำเข้าส่งผลให้ การนำเข้าเหล็ก ดีบุก ซีเมนต์ และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ต้องลดลงไปด้วย

ที่มา : https://news-eleven.com/article/228319

รถไฟลาว-จีน โอกาสทองส่งออกผัก ผลไม้ไทย โกยเงิน 1.8 แสนล้านบาท/ปี

‘รถไฟลาว-จีน’ ช่วยให้ไทยได้รับอานิสงส์ไม่น้อยสำหรับการค้าขายกับจีน หากส่งออกระบบรางผ่านสปป.ลาว เพราะตลาดจีน ถือว่า เป็นตลาดที่ใหญ่ และมีกำลังซื้อสูง เนื่องจากมีประชากรจำนวนมาก และโครงสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เป็นอันดับ 2 ของโลก ดังนั้นการส่งออกไปจีนจึงหมุดหมายของหลายประเทศที่จะเข้าไปช่วงชิงกัน โดยเฉพาะตลาดผักผลไม้

ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจ้งข้อมูลว่าหลายคนอาจคิดว่ารถไฟจีน-ลาว จะทำให้ไทยเสียเปรียบเรื่องการส่งออก แต่ความจริงแล้วไทยยังได้เปรียบดุลการค้ากับจีนมากถึง 4 เท่าตัว และครองส่วนแบ่งเบอร์ 1 ในจีน 45% อย่างไรก็ตามการส่งออกผลไม้ผ่านรถไฟจีน-ลาว ได้จุดพลุเริ่มขึ้นแล้ว ประเดิมที่ทุเรียน 30 ตัน มะพร้าวน้ำหอม 20 ตัน รวมถึงข้าวสารอีกด้วย และในปี 2565 คาดว่าจะส่งออกได้มากถึง 1 ล้านตัน  หรือมูลค่าการค้าสูงกว่า 1.8 แสนล้านบาท

ที่มา : https://www.springnews.co.th/news/822501

‘เวียดนาม’ เผยไตรมาสแรก ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 1.92%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในไตรมาสแรกของปีนี้ ขยายตัว 1.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำนักงานฯ ชี้ว่าในเดือนมี.ค. ขยายตัว 0.7% เมื่อเทียบเดือนก่อน ซึ่งจะเป็นระดับการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555 ทั้งนี้ คุณ เหงียน ถิ เฮือง ผู้อำนวยสำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและก๊าซเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงราคาวัสดุก่อสร้างที่ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่แล้ว นอกจากนี้ เงินเฟ้อพื้นฐานในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 0.81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/cpi-inches-up-192-percent-in-q1/224223.vnp

‘GDP’ เวียดนามโต 5.03% ไตรมาส 1/65

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจเวียดนามไตรมาสแรกของปี 2565 ขยายตัว 5.03% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ชะลอลงจากการขยายตัว 5.22% ในไตรมาสที่สี่ของปี 2564 การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสนี้มีปัจจัยสำคัญมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณา GDP เวียดนามในไตรมาสที่สามของปี 2564 หดตัว 6.02% นับว่าเป็นครั้งแรกที่เศรษฐกิจหดตัวตั้งแต่ปี 2543 โดยปัจจัยลบที่สำคัญ (1) ราคาวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น สาเหตุจากการสู้รบของรัสเซีย-ยูเครน

อีกทั้ง ราคาวัสดุก่อสร้างในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตของเวียดนามและอาจกลายเป็นตัวฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และ (2) ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปั้มน้ำมันบางแห่งขาดแคลนเชื้อเพลิง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและธุรกิจ

ที่มา : https://asia.nikkei.com/Economy/Vietnam-GDP-grows-5.03-in-first-three-months-of-2022

รัฐบาลสปป.ลาวเปิดประมูลซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

รัฐบาลลาวได้เปิดกระบวนการประมูลซื้อรถยนต์ไฟฟ้ากว่าร้อยคันสำหรับผู้นำพรรคและรัฐบาล รัฐบาลหวังที่จะซื้อยานพาหนะไฟฟ้าจำนวน 183 คัน รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า 23 คันที่มีกำลังมอเตอร์ 121KW-163KW และรถยนต์ไฟฟ้าอีก 160 คันที่มีกำลังมอเตอร์ 100KW-160KWรัฐบาลลาวได้หารือเกี่ยวกับการจัดซื้อยานพาหนะไฟฟ้าสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 โดยมีเป้าหมายที่จะแทนที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินด้วยรถยนต์ไฟฟ้าตามมาตรการลดต้นทุนเป็นการนำร่องการนำรถไฟฟ้ามาใช้ในประเทศโดยหวังว่าการนำรถไฟฟ้ามาทดแทนจะช่วยเหลือเรื่องสิ่งแวดล้อมตามเทรนด์โลกที่กำลังให้ความสนใจในเรื่องนี้

ที่มา : https://laotiantimes.com/2022/03/30/government-of-laos-opens-bidding-for-electric-vehicle-purchase/

ทางการกัมพูชารายงานถึงปริมาณนักท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา

ทางการกัมพูชารายงานถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีมากกว่า 200,000 คน ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงวันขึ้นปีใหม่ของกัมพูชาที่กำลังจะมาถึง โดยกระทรวงการท่องเที่ยวรายงานว่าในช่วงสุดสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม มีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศจำนวนกว่า 206,121 คน ในจำนวนนี้คิดเป็นนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาจำนวน 193,582 คน และชาวต่างชาติอีก 12,539 คน ตามรายงานของกระทรวงฯ ระบุว่าสถานที่ท่องเที่ยวหลักภายในประเทศ ได้แก่ พระสีหนุ 31,587 คน, พนมเปญ 28,608 คน, พระตะบอง 23,980 คน, กำปอต 22,702 คน, เสียมเรียบ 17,530 คน, แกบ 15,246 คน และ โพธิสัตว์ 10,652 คน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501048717/tourism-sector-unhampered-more-than-200000-tourists-recorded/