นายกฯ ฮุน เซน เร่งส่งออกข้าวพรีเมียมไปยังสิงคโปร์มากขึ้น

นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ได้เรียกร้องให้ผู้ประกอบการส่งออกข้าวเกรดพรีเมียมไปยังสิงคโปร์เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันข้าวพรีเมียมเป็นที่ต้องการของสิงคโปร์อีกทั้งยังต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเกษตร โดยกัมพูชาคาดว่าจะกลายเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายสำคัญให้กับสิงคโปร์ในระยะต่อไป อีกทั้งสิงคโปร์ยังให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายล้านคนในแต่ละปี ทำให้สิงคโปร์ต้องนำเข้าอาหารจากต่างประเทศ เพื่อรองรับกับความต้องการที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งข้าวของกัมพูชา (Phka Rumduol) ได้รับรางวัล World’s Best Rice 2022 Award จากงาน World Rice Conference (WRC) โดยนับเป็นการได้รับรางวัลครั้งที่ 5 ในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมข้าวของกัมพูชา แสดงถึงคุณภาพและมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล สำหรับการส่งออกข้าวของกัมพูชาในช่วง 5 เดือนแรกของปีแตะ 278,184 ตัน ไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 191 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานของสมาพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) ด้านนายกฯ ยังขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชาส่งเสริมและสนับสนุนสินค้า วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวของกัมพูชาผ่านการทูตเชิงพาณิชย์ต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501317626/pm-urges-premium-rice-exports-to-singapore/

แรงงานกัมพูชาส่งเงินกลับบ้าน ปี 2022 แตะ 1.25 พันล้านดอลลาร์

แรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชาส่งเงินกลับบ้านเพิ่มขึ้นจาก 1.15 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 เพิ่มขึ้นเป็น 1.25 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 สูงเป็นอันดับสามในกลุ่มประเทศอาเซียน คิดเป็นร้อยละ 4.4 ของ GDP ประเทศ รองจากฟิลิปปินส์และเวียดนาม รายงานโดยธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ในระหว่างการประชุม “12th Annual ADBI–OECD–ILO Roundtable on Labour Migration: Recovering from Covid-19: What does It Mean for Labor Migration in Asia?” โดยไทยมีแรงงานกัมพูชาเดินทางไปทำงานมากที่สุดอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านคน ในปี 2021 เกาหลีใต้มีแรงงานเกือบ 46,000 คน ตามมาด้วยมาเลเซีย 23,000 คน ญี่ปุ่นเกือบ 12,000 คน และสิงคโปร์ประมาณ 800 คน ซึ่งสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทยเป็นประเทศปลายทางหลักสำหรับแรงงานข้ามชาติในอาเซียน โดยปัจจุบันโลกกำลังเผชิญอยู่กับความไม่แน่นอนหลายประการ อาทิเช่น สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ภัยคุกคามทางด้านสิ่งแวดล้อม การหยุดชะงักของอุปทาน และความไม่มั่นคงทางการเงินระดับโลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการย้ายถิ่นฐานของแรงงานไปยังเอเชีย ทั้งแรงงานมีทักษะสูงและทักษะน้อย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501317625/cambodias-remittances-rise-to-1-25b/

จีน-เมียนมาจับมือเปิดบริการเที่ยวบินใหม่ หนุนความร่วมมือด้านศก.-การค้า-การท่องเที่ยว

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดี (29 มิ.ย.) เครื่องบินของสายการบินเมียนมา เนชันแนล แอร์ไลน์ส ลงจอดที่ท่าอากาศยานในเมืองหมางซื่อ มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งนับเป็นการเปิดเส้นทางขนส่งทางอากาศที่เชื่อมหมางซื่อกับสองเมืองหลักของเมียนมา ได้แก่ มัณฑะเลย์ และย่างกุ้ง ทั้งนี้ ว่ยกั่ง เจ้าหน้าที่แคว้นปกครองตนเองเต๋อหง กลุ่มชาติพันธุ์ไทและจิ่งโพกล่าวว่าเราจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายในด้านเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวต่อไป ด้วยความช่วยเหลือจากการเปิดเที่ยวบินใหม่ดังกล่าว

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2023/314492

ยอดค้าปลีกเวียดนาม ครึ่งปีแรก พุ่ง 10.9%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ รายได้รวมจากการค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ มีมูลค่าเกินกว่า 3 ล้านล้านดอง หรือประมาณ 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเฉพาะยอดค้าปลีก 2.3 ล้านล้านดอง เพิ่มขึ้น 9.3% ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ได้เน้นย้ำว่าตลาดในประเทศเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตไปข้างหน้า โดยจะส่งเสริมให้มีกิจกรรมการค้าในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการผลักดันการกระจายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะยกระดับของการดำเนินงานภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาทางการค้าจนถึงปี 2573 ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมภาคธุรกิจต่างๆ อาทิเช่น ส่งเสริมให้มีการสร้างเครื่องหมายการค้า ส่งเสริมกิจกรรมทางการค้าและส่งเสริมสินค้าเอกลักษณ์ของเวียดนามให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/retail-sales-of-consumer-goods-services-up-109-in-h1/255579.vnp

IMF คาดเศรษฐกิจเวียดนามจะกลับมาเติบโตได้ในระยะกลาง

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่าเวียดนามมีประสบการณ์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง หลังจากเผชิญกับผลกระทบของโควิด-19 แสดงให้เห็นมาจากตัวเลขชองเศรษฐกิจเวียดนามที่ขยายตัว 8% ในปี 2565 นับเป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนมาจากปัจจัยในประเทศและอุปสงค์ภายนอกที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ เศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 คาดว่าจะเติบโตราว 4.7% ในปีนี้ จากการฟื้นตัวของภาคการส่งออกและนโยบายในประเทศ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะยังคงอยู่ในกรอบของธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ที่ 4.5% นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เวียดนามีการมผลักดันการต่อต้านการทุจริตอย่างมาก รวมถึงการนำหลักธรรมาภิบาลมาปรับใช้และยังส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ

ที่มา : https://en.baochinhphu.vn/viet-nam-to-returns-to-high-growth-in-medium-term-imf-111230701083440061.htm

บริษัทโรงสีข้าวและโกดังเมียนมา 448 ราย ยื่นขึ้นทะเบียนกับ GACC ช่วงครึ่งแรกปี 2566

กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมา รายงานว่าในปีนี้ มีบริษัท 145 ราย โรงสีข้าว 161 ราย และคลังสินค้า 182 ราย เข้าขอยื่นขึ้นทะเบียนกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) และหากเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว มีเพียงบริษัท 62 ราย โรงสีข้าว 79 ราย และคลังสินค้า 19 ราย ทั้งนี้ มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) เป็นสิ่งที่จำเป็นในการส่งออกข้าวไปยังต่างประเทศ รวมถึงตลาดจีน โดยข้าวเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของภาคการส่งออกของเมียนมา ดังนั้น กลุ่มสหพันธ์ข้าวของเมียนมาจึงจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อให้ตระหนักถึงมาตรการสุขอนามัยทางชีวภาพ รวมไปถึงการศึกษากฎหมายและกฎระเบียบของประเทศคู่ค้า และความปลอดภัยของอาหารในประเทศ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้นายจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้องกับโกดังข้าวและคลังสินค้า ทำการจัดเก็บข้าวอย่างเป็นระบบและตรวจสอบกฎระเบียบตามการส่งออกของต่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/banking-transactions-for-imports-on-myanmar-china-border-to-commence-1-august/#article-title

ท่าเรือ สปป.ลาว-มาเลเซีย มองหาช่องทางการเชื่อมโยงระหว่างกัน

Sake Philangam กรรมการผู้จัดการของท่าเรือบกท่านาแล้ง สปป.ลาว และ Mr. Wan Ahmad Azheed Wan Mohamad กรรมการผู้จัดการกลุ่มและซีอีโอของ Mutiara Perlis Sdn Bhd ได้จัดพิธีลงนามในบันทึกความร่วมมือระหว่างกัน (MoC) โดยมีนายกรัฐมนตรีของ สปป.ลาว และมาเลเซียร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีความต้องการในการเชื่อมโยงด้านโลจิสติกส์ระหว่างกัน เพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าการลงทุนต่อไปในอนาคต ขณะที่รัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งชาติลาวและการรถไฟมาเลเซีย Keretapi Tanah Melayu Berhad (KTMB) ก็ได้ลงนามใน MoC ที่คล้ายคลึงกัน เพื่อเป็นการส่งเสริมการขนส่งทางราง หวังเชื่อมโลจิสติกส์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งหากเกิดการเชื่อมกันอย่างสมบูรณ์จะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนในการขนส่งลงอย่างมาก โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าไปยังจีนที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของกลุ่มประเทศอาเซียน ยกตัวอย่างเช่น การขนส่งทุเรียนจากประเทศไทยผ่านทางรถไฟใช้เวลาเพียง 3 วัน ในการขนส่งไปยังจีน เร็วกว่าการขนส่งแบบดังเดิมถึงสองเท่า และด้วยความได้เปลี่ยนนี้คาดว่าจะถือเป็นการดึงดูดนักลงทุน เข้ามาลงทุนยังภูมิภาคมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง สปป.ลาว ยังได้เพิ่มสิ่งจูงใจในการเข้ามาลงทุนอีกมากมาย เช่น ยกเว้นภาษีนิติบุคคล 8-16 ปี การลดหย่อนภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นต้น อีกทั้ง สปป.ลาว ยังมีข้อตกลงทางด้านการค้าอีกหลายฉบับกับนานาประเทศทั่วโลก

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_LaoMalasian125.php

ทางการกัมพูชาพร้อมเสนอนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาผ่าน ครม.

กระทรวงพาณิชย์พร้อมนำส่งร่างนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติประจำปี 2023-2028 เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการพิจารณา นำโดย Pan Sorasak รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา ซึ่งได้เปิดเผยแผนดังกล่าวในระหว่างการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (กนช.) เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา หากเมื่อนำนโยบายดังกล่าวมาใช้แล้วเชื่อว่าจะนำไปสู่การส่งเสริมและปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะเป็นการรักษาสิทธิของเจ้าของผลงาน ตราสินค้า และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของกัมพูชา รวมถึงยังเป็นการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัลของกัมพูชา นอกจากนี้รัฐมนตรีฯ ยังแนะนำให้ NCIPR รับรองร่างกฤษฎีกาย่อยที่ครอบคลุมสำหรับการดำเนินการตามนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อนำมาใช้ต่อไปในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501317275/national-intellectual-property-policy-ready-for-council-of-ministers-review/

จีนพร้อมลงนาม MoU ร่วมกัมพูชา เพิ่มการส่งออกข้าว 5 แสนตัน

Lon Yeng เลขาธิการสมาพันธ์ข้าวกัมพูชา รายงานว่า กัมพูชาและจีนได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เกี่ยวกับการส่งออกข้าวของกัมพูชาไปยังตลาดจีนแล้ว 6 ฉบับ และพร้อมที่จะลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับที่ 7 รวมถึงฉบับอื่นๆ โดยก่อนหน้านี้ Pan Sosak รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา ได้ประกาศเกี่ยวกับการลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับที่ 7 ในการส่งออกข้าว 500,000 ตัน ไปยังตลาดจีนในช่วงปี 2023-2024 ซึ่งหวังว่าการส่งออกข้าวของกัมพูชาเพิ่มมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้กัมพูชาได้ส่งออกข้าวจำนวน 400,000 ตัน ไปยังตลาดจีนตาม MoU ฉบับที่ 6 แสดงถึงความต้องการข้าวสารของกัมพูชาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501317088/china-ready-to-sign-7th-mou-with-cambodia-on-increasing-rice-purchase-by-500000-tonnes/

“เวียดนาม” เผยเศรษฐกิจไตรมาส 2 ปี 66 โต 4.14% จากแรงหนุนภาคบริการ

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2566 ขยายตัว 4.14% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้แรงหนุนมาจากภาคบริการ ตัวเลขดังกล่าวนั้นนับว่าเป็นการขยายตัวอย่างมากเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจในไตรมาสแรกที่ขยายตัว 3.32% ทั้งนี้ ภาคบริการในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ขยายตัว 6.11% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามมาด้วยภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมการผลิต ขยายตัว 3.25% และ 2.50% ตามลำดับ นอกจากนี้ การส่งออกและการนำเข้าของเวียดนามในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ชะลอตัวลง 12.1% และ 18.2% จากปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.thestar.com.my/business/business-news/2023/06/29/vietnam-q2-gdp-growth-accelerates-to-414-led-by-services